วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ต่างประเทศ
ไทยแจงยกระดับการตอบโต้ เพราะ 'กัมพูชา' ทิ้ง MOU43

ไทยแจงยกระดับการตอบโต้ เพราะ 'กัมพูชา' ทิ้ง MOU43

วันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 19.07 น.
Tag : ไทย กัมพูชา MOU43 ชายแดนไทย
  •  

7 มิ.ย. 68 เวลา 16.48 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พระรางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและพสกกระทรวงการต่างประเทศพร้อมด้วย พ.อ.หญิง ผศ.ดร.พญ.ดังใจ สุวรรณกิตติ โฆษกกระทรวงกลาโหม และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ร่วมแถลงถึงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 

โดยนายนิกรเดช กล่าวถึงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตามที่เกิดเหตุปะทะระหว่างของทหารทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 บริเวณช่องบกอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งฝ่ายไทยมีความจำเป็นต้องป้องกันตนเองและปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยเป็นไปอย่างเหมาะสมได้สัดส่วนและสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และแนวปฏิบัติสากล ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทยได้ใช้ความอดทน อดกลั้นและมุ่งแก้ไขสถานการณ์ด้วยสันติวิธี โดยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาพยายามลดความตึงเครียดในพื้นที่ และจำกัดความขัดแย้งให้อยู่เพียงจุดเกิดเหตุ โดยมีการพูดคุยหารือในทุกระดับ ทั้งระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกองทัพปกครองทั้งสองประเทศ บนพื้นฐานของความสุจริตใจ และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศสมาชิกอา ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็เห็นพ้องแนวทางการแก้ไข ปัญหาด้วยสันติวิธี โดยผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้วมาโดยตลอด ล่าสุด เมื่อวันที่ห้ามิถุนายน 2568 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของทั้งสองประเทศ ได้พบหารือกันที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อหารือกัน โดยฝ่ายไทยได้ย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นในการลดระดับความตึงเครียดบริเวณชายแดน และเสนอให้มีการปรับกำลังทหารให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติเดิมก่อนเกิดเหตุขัดแย้งเพื่อลดโอกาสการปะทะทางทหาร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ 


อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายที่ฝ่ายกัมพูชา ได้ปฏิเสธทันที ต่อข้อเสนอในการปรับกำลัง และยังมีการเสริมกำลังทหารในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง และปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม MOU ปี 2543 หรือปี ค.ศ. 2000 บนพื้นฐานของการเจรจาแบบสันติวิธี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียด และทำให้สถานการณ์ในพื้นที่มีความเปราะบางมากยิ่งขึ้น การดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมย์ และความจริงใจที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยในการที่จะลดและระงับความตึงเครียดที่มีอยู่เดิมและทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ 

ดังนั้น เป็นไปตามมติ ที่ประชุม สภาความมั่นคง แห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 และเพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยตามแนวชายแดน ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องพิจารณาใช้มาตรการควบคุมการเปิดปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา โดยที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่1 และกองทัพภาคที่2  รวมถึงกองกำลังจันทบุรี ตราด  โดยที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่1 และกองทัพภาคที่2 เป็นผู้กำหนดมาตรการหลัก เกณฑ์วิธีและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา เงื่อนเวลาที่จำเป็นและเหมาะสม ของการผ่านแดน บริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งความเข้มข้นดังกล่าวเป็นไปตามความตึงเครียดของสถานการณ์ อันเกิดจากความร่วมมือของฝ่ายกัมพูชาในการแก้ไขปัญหา

ขอย้ำว่าการดำเนินการของไทย มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความปลอดภัยของประชาชนไทยและกัมพูชา ในพื้นที่ชายแดน และความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายไทยจะคำนึงและระมัดระวังไม่ให้มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ ที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งด้านมนุษยธรรม ฝ่ายไทยขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียดตลอดแนวชายแดนเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประชาชนทั้งสองฝ่ายตามแนวชายแดน

ฝ่ายไทยยืนยันความพร้อมที่จะใช้กลไกทวิภาคีโดยเฉพาะการประชุมคณะกรรม มาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนเจบีซีไทย-กัมพูชา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568  นี้ รวมถึงกลไกทวิภาคีอื่นๆที่มีอยู่ เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ บนพื้นฐานของความเคารพและความจริงใจต่อกันเพื่อให้ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับไปสู่ความสงบสุขเพื่อประโยชน์ของประชาชนของทั้งสองประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกองทัพ และทางกระทรวงกลาโหม โดยรองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม ได้มีข้อกำชับหรือข้อสั่งการอะไรเป็นพิเศษในการดูแลเรื่องนี้อย่างไร และได้มีการดำเนินการในด้านใดไปแล้วบ้าง  

พ.อ.หญิง ผศ.ดร.พญ.ดังใจ  กล่าวว่า ทางกระทรวงกลาโหมมีหน้าที่รับและดำเนินการตามนโยบายของท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งที่ผ่านมา ท่านำม่ได้ละเลย หากแต่ท่านได้อดทนและพยายามใช้การเจรจาอย่างสันติวิธี และมากไปกว่านั้นยังได้กำชับหน่วยในพื้นที่ให้เฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดการรุกล้ำเพิ่มขึ้นเด็ดขาดขาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในกระบวนการและความพยายามที่ผ่านมา กลับได้รับการตอบสนองไม่เป็นทางบวกเลย จึงมีการปรับมาตรการต่างๆ โดยล่าสุดทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ประเทศไทย ได้มีมติได้มอบหมายให้กองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบในการนำแผนไปปฏิบัติต่อ  ดังนั้น จึงขอให้ทางกองทัพบกได้อธิบายชี้แจงเพิ่มเติม

ทางด้าน พลตรีวินธัย กล่าวว่า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 และยังมีการประสานกับกองบัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด โดยในส่วนของกองทัพบกได้มีการมอบอำนาจให้ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่กองกำลังสุรนารี และกองกำลังบูรพา มีอำนาจในการควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดน ซึ่งตนได้ชี้แจงไปตอนเที่ยงวันนี้แล้ว แตาจะมีเพิ่มเติมลายละเอียดเรื่องของขั้นตอน  โดย ขั้นตอนการดำเนินการยังคงนึกถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และกิจกรรมที่มีในบริเวณพื้นที่ ตามแนวชายแดน จึงให้แต่ละหน่วยพิจารณาเรื่องของขั้นตอน โดยมี 4 ขั้นตอน โดย แต่ละจุดอาจจะไม่เหมือนกัน  โดยในขั้นตอนแรกเป็นเรื่องของการจำกัด เรื่องของคน ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นจริง เช่น กลุ่มคนที่อาจจะไปเล่นการพนัน หรือกลุ่มคนที่จะไปสนับสนุนการ กระทำผิดกฎหมายต่างๆ  ซึ่งหน่วยในพื้นที่ก็จะคัดกรองตรงนี้ สำหรับส่วนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ยังพิจารณาสามารถที่จะเข้าออกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้บัญชาการทหารบก ท่านค่อนข้างห่วงใยกลุ่มผู้ที่ต้องการเดินทางมาเข้ารับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา หรือ กลุ่ม คนที่เข้าออกเกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะคนชรา โดยท่านผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นย้ำเป็นกรณีพิเศษไปที่หน่วยในระดับพื้นที่ 

ส่วนขั้นที่  จะเป็นลักษณะของการ การควบคุม ควบคุม เรื่องเวลา มีการกำหนดช่วงเวลา อาจจะไม่ได้เปิดตลอด หรือเวลาเดิมที่เปิดอยู่นั้นเปิดอยู่ยาว แต่ตอนนี้ ตอนนี้จะเปิดในระยะสั้น ให้มีความ จำเป็นจริงจริง เท่านั้น  หรือให้มีการ พิจารณาบางจุดที่ไม่จำเป็น หรือบางจุดที่มีการกระทำผิดกฎหมายบ่อย ๆ เช่น การ ลักลอบนำเข้าสินค้า ซึ่งตรงนี้จะมีการพิจารณาปิดบางจุดที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังคงคำนึงถึงการดำรงชีวิต ใช้ชีวิตวิถีชีวิต ในพื้นที่ชายแดน  

และมาตรการสุดท้าย คือ ปิด ทุกจุด ตลอดชายแดน แม้ว่าขณะนี้กองทัพบกได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วย สามารถ ดำเนินการได้ แต่มาตรการต่างๆ ก็คงต้องมีการประสานกับหน่วยทุกๆระดับอยู่เหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงการต่างประเทศ การประชุมเจบีซียังมีอยู่ใช่หตือไม่ นายนิกรเดช  กล่าวว่า ยังมีอยู่ เรายังคงประสงค์และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะมีการประชุมเจบีซี ในวันที่ 14 มิถุนายน นี้ หวังว่าจะมีการเจรจาแบบจริงใจ ใน ชั้นนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามตำรวจที่จะมีการประชุม

พล.ต.วินธัย กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการเรื่องการควบคุมเข้มงวดในการเปิด-ปิดด่าน  คำนึงถึงความปลอดภัยประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ และอยากทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าในมุมของความมั่นคงจำเป็นจริงๆที่จะต้องพิจารณา เพราะหนึ่งชีวิตมรความสำคัญมากในมุมมองของเจ้าหน้าที่ทหาร

ผู้สื่อข่าวถามถามว่า มีด่านไหนที่ปิดไปแล้ว หรือด้านไหนที่มีการปรับเวลาบ้าง  พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เนืาองจากจุดมีเยอะแต่ละพื้นที่จะบริหารจัดการไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละจุดอาจจะได้รับโจทย์ หรือมีข้อมูลทางด้านการข่าวหรือมีสิ่งต่างๆในพื้นที่ที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าใน 4 ขั้นนั้น ตรงนี้อยากให้เป็นดุลพินิจ ของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ หรือหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ฝ่ายปกครองด้วย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพิจารณา 

.-008 
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สื่อกัมพูชาตีข่าว! ไทยประกาศปิดประตูพรมแดนบางแห่ง สื่อกัมพูชาตีข่าว! ไทยประกาศปิดประตูพรมแดนบางแห่ง
  • กลาโหมกัมพูชาเมินคำขอฝ่ายไทย ให้ถอยทหารจากช่องบก กลาโหมกัมพูชาเมินคำขอฝ่ายไทย ให้ถอยทหารจากช่องบก
  • บริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่กัมพูชาบริจาคเงิน 1.7 ล้านบาท หนุนทหารเขมร บริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่กัมพูชาบริจาคเงิน 1.7 ล้านบาท หนุนทหารเขมร
  • รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ ยันประชุมJBCไม่เจรจาพื้นที่4จุดไปศาลโลกเท่านั้น รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ ยันประชุมJBCไม่เจรจาพื้นที่4จุดไปศาลโลกเท่านั้น
  • \'กัมพูชา\'เมินเจรจาทวิภาคีกับไทย ลุยปม4พื้นที่พิพาทขึ้นสู่ศาลโลก 'กัมพูชา'เมินเจรจาทวิภาคีกับไทย ลุยปม4พื้นที่พิพาทขึ้นสู่ศาลโลก
  • \'กัมพูชา\'ยืนยันเป็นเจ้าภาพการประชุมJBC จ่อเคลียร์ปมพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา 'กัมพูชา'ยืนยันเป็นเจ้าภาพการประชุมJBC จ่อเคลียร์ปมพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
  •  

Breaking News

ฮูย่าจบแล้ว! 'มนุษย์กบ' รุ่นที่58 จบเพียง25นายจาก68นาย พร้อมปกป้องประเทศชาติ

นักเรียนซ้อมวิ่ง! นายอำเภอบ้านกรวดเช็กหลุมหลบภัย รับมือเหตุปะทะ

'เจ้าเงาะป่า'ทำถึง! สีสันขบวนแห่งานบุญบั้งไฟ 'อบต.ตาโกน' ชาวบ้านตาลุกวาวแห่ส่องเลขธูป

ชาวบ้านเชื่อปอบเฮี้ยนไม่เลิก! สิงเด็กสาวหลายราย หวัง'หมอปลา'มาช่วยพิสูจน์

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved