‘กัมพูชา’เดินเกม! ส่งหนังสือร้องไทย นำข้อพิพาทขึ้น‘ศาลโลก’
9 มิถุนายน 2568 นสพ.The Phnom Penh Post รายงานข่าว Foreign minister clarifies Kingdom’s position to Thai counterpart ระบุว่า Prak Sokhonn รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ส่งหนังสือถึง มาริษ เสงี่ยมพงษ์ (Maris Sangiampongsa) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 เพื่อเชิญชวนให้ไทยนำข้อพิพาทชายแดนที่ยังคงดำเนินอยู่เข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ถ้อยคำในหนังสือดังกล่าว บรรยายว่า แม้จะมีกลไกทวิภาคีและความพยายามอย่างจริงใจมากมายเพื่อหาทางแก้ไข แต่ข้อพิพาทชายแดนระหว่าง 2 ประเทศที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษก็ยังคงดำเนินต่อไป ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหล่านี้ยังคงเป็นแหล่งที่มาของความเข้าใจผิดและความตึงเครียดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนำไปสู่เหตุการณ์ที่โชคร้ายหลายครั้ง รวมถึงการเผชิญหน้าล่าสุดที่หมู่บ้านเตโชโมโรโกต ชุมชนโมโรโกต อำเภอโชอัมคซาน จังหวัดพระวิหาร เมื่อกองทัพไทยเปิดฉากยิงใส่ที่ตั้งของทหารกัมพูชา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
เหตุการณ์วันที่ 28 พ.ค. 2568 ยิ่งเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการหาทางแก้ไขที่ยั่งยืนและสันติ เมื่อพิจารณาถึงความซับซ้อน ลักษณะทางประวัติศาสตร์ และความละเอียดอ่อนของข้อพิพาทเหล่านี้ จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าการเจรจาทวิภาคีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ครอบคลุมและยั่งยืนอีกต่อไป ในบริบทนี้ รัฐบาลกัมพูชาเชื่อว่าแนวทางที่เหมาะสมและสันติที่สุดคือการส่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Mom Bei, Ta Moan Thom Temple, Ta Moan Tauch Temple และ Ta Krabei Temple ไปให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พิจารณาตัดสิน
รองนายกฯ กัมพูชา อธิบายในหนังสือดังกล่าว ว่า การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศซึ่งมีพื้นฐานมาจากกฎหมายระหว่างประเทศ จะให้การแก้ไขปัญหาที่ยุติธรรม เป็นกลาง และยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ขอบเขตดินแดนของเราแต่ละฝ่ายมีความชัดเจนมากขึ้น และที่สำคัญกว่านั้น จะช่วยส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างประเทศทั้ง 2 แนวทางปฏิบัติดังกล่าวยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการรักษาหลักนิติธรรม รักษาความสามัคคีในภูมิภาค และส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของประชาชนของเราภายในประชาคมอาเซียน
“จากที่กล่าวมาข้างต้น ผมขอเรียกร้องอย่างนอบน้อมให้รัฐบาลไทยพิจารณาร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาในการส่งข้อพิพาทเรื่องพรมแดนของเราไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ขอให้เราใช้โอกาสนี้เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการเจรจาอย่างสันติ การแก้ไขปัญหาทางกฎหมาย และอนาคตของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี” ข้อความจากหนังสือของรองนายกฯ กัมพูชา กล่าวในตอนท้าย
ก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ฮุน มาเนต (Hun Manet) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาจะนำประเด็นข้างต้นไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อหาทางแก้ไข เนื่องจากกลไกทวิภาคีให้ผลเพียงเล็กน้อย ในขณะที่พื้นที่อื่นๆ จะได้รับการแก้ไขแบบทวิภาคีผ่านบันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU2543)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี