1 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ได้กล่าวต่อสมาชิกกองทัพอิสราเอลว่า มีภัยคุกคามเกิดขึ้นในอิหร่าน ซึ่งมีพลังอำนาจไม่น้อยไปกว่า หรือบางทีอาจจะยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งนี่ถือเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลมาตลอด และยังคุกคามอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยระบุว่า คนกลุ่มนี้ได้สร้างเส้นทางสู่การทำลายล้างไว้ 3 เส้นทางเพื่อกำจัดอิสราเอล พร้อมย้ำว่า หากอิสราเอลล่มสลาย ตะวันออกกลางจะล่มสลายไปโดยทันทีเช่นเดียวกัน

"พวกเขาได้สร้างเส้นทางสู่การทำลายล้างไว้ 3 เส้นทาง เส้นทางแรกคือ วงแหวนแห่งการรัดคอ ซึ่งก็คือแผนการทำลายอิสราเอลผ่านฝ่ายอักษะ  เส้นทางที่สองคือ แผนการทำลายอิสราเอลผ่านภัยคุกคามจากขีปนาวุธ เส้นทางที่สามคือ แผนการทำลายอิสราเอลผ่านภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ นี่คือเหตุผลในการดำรงอยู่ของระบอบการปกครอง" 

"นี่ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่พวกเขาต้องการทำลายเรา และเราไม่ใช่เป้าหมายหลักของพวกเขา แต่เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายหลัก พวกเขาต้องกำจัดเรา ไม่งั้นจะไม่สามารถทำลายตะวันออกกลางได้ โดยไม่ทำลายอิสราเอล และหากอิสราเอลล่มสลาย ตะวันออกกลางก็ล่มสลายทันที" พร้อมกันนี้ 'เบนจามิน เนทันยาฮู' กล่าวว่าคำถามที่เกิดขึ้นคือแล้วสหรัฐอเมริกาจะทำอย่างไร แต่ได้บอกสหรัฐฯไปแล้วว่า อิสราเอจะทำทุกวิธีทางเพื่อขอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ 

ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯได้อนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1.65 หมื่นล้านบาท ให้อิสราเอล โดยข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงชุดนำวิถีระเบิดจำนวน 3,845 ชุด และชุดนำวิถีเพิ่มเติมสำหรับระเบิด MK82

สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศสหรัฐฯ (DSCA) กล่าวว่า สหรัฐฯมุ่งมั่นที่จะรักษาความมั่นคงของอิสราเอล และย้ำว่า การขายอาวุธครั้งนี้มีความสำคัญต่อผลประโยชน์ของชาติของสหรัฐฯ ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากนานาชาติเกี่ยวกับการสนับสนุนทางทหารของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิสราเอล ขณะที่พลเรือนที่เสียชีวิตในฉนวนกาซายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) อิสราเอลโจมตีทางอากาศโดนคาเฟ่ติดทะเลในฉนวนกาซา โดยจากเหตุการณ์นี้ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน รวมถึงเด็ก สตรี และนักข่าว