ไทย–จีน ร่วมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ครบ 50 ปี ก้าวสู่ทศวรรษใหม่แห่งมิตรภาพและความร่วมมือรอบด้าน
การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ครบ 50 ปีในปีนี้ ย้อนรอยความสัมพันธ์อันยาวนานและพัฒนาการที่สำคัญ
ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 นับเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่มั่นคง ท่ามกลางบริบทของโลกในช่วงสงครามเย็น การเปิดความสัมพันธ์ในครั้งนั้นถือเป็นก้าวสำคัญทางการเมืองระหว่างประเทศ สะท้อนถึงการเปิดใจและการสร้างสะพานแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองประเทศ
ในช่วงแรก ความสัมพันธ์ไทย–จีนยังอยู่ในกรอบของมิตรภาพเชิงสัญลักษณ์ แต่เมื่อโลกเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้พัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และวัฒนธรรม ที่ทั้งสองประเทศต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างชัดเจน
ในปี พ.ศ. 2568 ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีนได้เดินทางครบรอบ 50 ปี ทั้งสองประเทศจึงได้ใช้โอกาสนี้ไม่เพียงแต่รำลึกถึงอดีตที่ร่วมสร้าง แต่ยังได้ประกาศความร่วมมือในรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล โลกาภิวัตน์ และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก
มิติความร่วมมือที่หลากหลาย เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และกิจกรรมของภาคส่วนต่างๆ ที่จัดขึ้น
ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ขยายตัวครอบคลุมหลากหลายมิติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2568 ที่มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกว่า 14 ฉบับ ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โลจิสติกส์ พลังงานสะอาด การศึกษา และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
ในด้านเศรษฐกิจ จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการค้าระหว่างกันในปีนี้อยู่ในระดับกว่า 4 แสนล้านบาท การยกเว้นวีซ่าสำหรับพลเมืองทั้งสองประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 ยังมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การลงทุน และการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจให้คึกคักยิ่งขึ้น
ด้านสังคม ไทยและจีนร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงออนไลน์ และการค้ามนุษย์ พร้อมกันนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและการสนับสนุนด้านกระบวนการยุติธรรมอย่างใกล้ชิด
ด้านวัฒนธรรม ความร่วมมือได้แผ่ขยายในหลายระดับ โครงการ “Hello, Ni Hao” ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนในเยาวชนไทย ได้รับการขยายผลอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกัน สถาบันขงจื่อในมหาวิทยาลัยไทยหลายแห่ง รวมถึงสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลก็มีบทบาทสำคัญในการเปิดสอนภาษาจีน อบรมภาษาจีนให้ ครู ผู้สื่อข่าว และจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ไทย–จีนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นิทรรศการภาพถ่ายประวัติศาสตร์ และกิจกรรมสร้างสรรค์จากภาคเอกชน เช่น โมเดลสะสมพิเศษจากบริษัท POP MART รุ่น “50 ปีมิตรภาพ” ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชนไทย ซึ่งถือเป็นรูปธรรมของการใช้ Soft Power เชื่อมโยงมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
ก้าวต่อไปสำหรับทศวรรษหน้า ความท้าทายและโอกาส
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนจะมีความมั่นคง แต่ในทศวรรษข้างหน้าทั้งสองประเทศยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ เช่น การรักษาสมดุลของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การจัดการอิทธิพลจากต่างชาติ และการตอบสนองต่อข้อกังวลของประชาชนเกี่ยวกับอธิปไตยทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ไทยและจีนยังมีโอกาสมหาศาลในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด พลังงานทางเลือก การศึกษา และนวัตกรรม โดยเฉพาะการส่งเสริมเยาวชนผ่านการแลกเปลี่ยนนักศึกษา การวิจัยร่วม และการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ การสร้างความสัมพันธ์ระดับประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน และการส่งเสริม Soft Power ผ่านวัฒนธรรม สื่อ และการศึกษาจะเป็นกุญแจสำคัญในการวางรากฐานความร่วมมือที่ยั่งยืน และเชื่อมโยงจิตวิญญาณของสองชาติให้อยู่ร่วมกันอย่างมั่นคงในระยะยาว
กิจกรรมของภาคส่วนต่างๆ ที่จัดขึ้น
วาระครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ไทย–จีนในปี พ.ศ. 2568 เป็นโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วนร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างคึกคัก โดยมีเป้าหมายเพื่อสะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
ภาครัฐ โดยกระทรวงการต่างประเทศได้เปิดตัวตราสัญลักษณ์ “50 ปี ไทย–จีน” พร้อมจัดงานเฉลิมฉลอง “Golden Jubilee of Friendship” ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผู้แทนระดับสูงของไทยและจีนเข้าร่วม ภายในงานมีนิทรรศการแสตมป์ที่ระลึก ของสะสมหายาก และการแสดงวัฒนธรรมสองชาติ
ภาคการศึกษา ได้จัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย อาทิ การประชุมวิชาการ ฟอรั่มเยาวชน การประกวดเรียงความ และการแลกเปลี่ยนนักเรียนไทย–จีน เพื่อปลูกฝังความเข้าใจทางวัฒนธรรมตั้งแต่ระดับเยาวชน
ภาควัฒนธรรม ได้รับเกียรติจากรัฐบาลจีนในการอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง มาจัดแสดง ณ กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงกุมภาพันธ์ 2568 นอกจากนี้ยังมีงานของภาคส่วนต่างๆ ที่จัดเป็นกิจกรรมศิลปะร่วมสมัย การแสดงดนตรี งานคอนเสิร์ต "มีเธอ มีฉัน มีกันคือเรา" ภาพยนตร์ "สายใยรัก สองแผ่นดิน" และนิทรรศการเชิงวัฒนธรรมทั่วประเทศ
กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองในเชิงพิธีกรรม แต่ยังเป็นเวทีแสดงถึงพลังของประชาชนในการสานต่อมิตรภาพ และเสริมสร้างความรู้สึกเป็นหุ้นส่วนที่แท้จริงระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ผู้เขียนเห็นว่า การฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีนในปี พ.ศ. 2568 ไม่ได้เป็นเพียงการรำลึกถึงอดีตที่ทรงคุณค่า แต่เป็นโอกาสในการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากบทสนทนาเล็ก ๆ เมื่อครึ่งศตวรรษก่อน ได้เติบโตเป็นความร่วมมือที่แข็งแกร่งในทุกมิติ ตั้งแต่เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ไปจนถึงการศึกษาระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเป็นตัวอย่างที่ดีของ “มิตรภาพที่ปรับตัวได้” คือไม่หยุดนิ่งอยู่แค่ความสัมพันธ์แบบเดิม แต่พัฒนาไปพร้อมกับบริบทใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยี ความมั่นคง และความเข้าใจทางวัฒนธรรม
เรียบเรียงโดย ดร.กฤตติกา เศวตอมรกุล เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร / รองคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี