วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ต่างประเทศ
‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ

‘ทรัมป์’ได้เฮ! ศาลฎีกา‘สหรัฐฯ’ไฟเขียวแผนยุบกระทรวงศึกษาธิการ

วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 22.04 น.
Tag : ทรัมป์ ยุบกระทรวงศึกษาธิการ ศธ ศาลฎีกา สหรัฐอมริกา
  •  

15 ก.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว US Supreme Court clears way for Trump to gut Education Department ระบุว่า ศาลฎีกาสหรัฐอเมริกา มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2568 อนุมัติแผนการยุบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตามที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เคยเสนอไว้ ตามแนวคิดลดบทบาทของรัฐบาลกลาง แล้วกระจายอำนาจให้มลรัฐต่างๆ บริหารจัดการศึกษาในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น

ในการชนะคดีในศาลสูงครั้งล่าสุดของทรัมป์ ผู้พิพากษาได้ยกเลิกคำสั่งของผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางที่สั่งคืนตำแหน่งให้กับพนักงานเกือบ 1,400 คนที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างจำนวนมากในกระทรวงศึกษาธิการ และสั่งห้ามรัฐบาลโอนหน้าที่สำคัญไปยังหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่นๆอย่างไรก็ตาม ความท้าทายทางกฎหมายยังคงดำเนินอยู่ในศาลชั้นต้น


คำสั่งของศาลฎีกามีขึ้นในคำสั่งสั้นๆ ที่ไม่ได้ลงนาม โดยผู้พิพากษาสายเสรีนิยมทั้ง 3 ท่านคัดค้าน ขณะที่กลุ่มอัยการสูงสุดจากพรรคเดโมแครต 21 คน เขตการศึกษา และสหภาพแรงงาน ซึ่งอยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องทางกฎหมาย 2 คดี ได้ออกมาเตือนในเอกสารของศาลว่า ความพยายามปิดหน่วยงานของทรัมป์อาจบั่นทอนความสามารถของกระทรวงในการปฏิบัติหน้าที่หลัก

Democracy Forward ซึ่งเป็นกลุ่มกฎหมายสายเสรีนิยมที่เป็นตัวแทนของเขตการศึกษาและสหภาพแรงงาน กล่าวว่า คำสั่งของศาลส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคำมั่นสัญญาของประเทศนี้ที่จะให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาสาธารณะ สกาย เพอร์รีแมน (Skye Perryman) ประธานและซีอีโอของกลุ่ม กล่าวว่า กลุ่มจะดำเนินการทางกฎหมายทุกวิถีทางอย่างแข็งขันในขณะที่คดีนี้ดำเนินไป เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กทุกคนในประเทศนี้จะสามารถเข้าถึงการศึกษาสาธารณะที่สมควรได้รับ

กระทรวงศึกษาธิการซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยรัฐสภาในปี 2522 มีบทบาทหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา การติดตามผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน และการบังคับใช้สิทธิพลเมืองในโรงเรียน นอกจากนี้ยังจัดหาเงินทุนจากรัฐบาลกลางให้แก่เขตการศึกษาที่ขาดแคลนและเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่มีความพิการ อย่างไรก็ตาม กฎหมายของรัฐบาลกลางไม่ได้ให้อำนาจหน้าที่ ศธ. ควบคุมการดำเนินงานของโรงเรียน รวมถึงหลักสูตร การเรียนการสอน และการจัดสรรบุคลากร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลระดับรัฐและท้องถิ่น ซึ่งจัดสรรเงินทุนให้กับโรงเรียนของรัฐมากกว่าร้อยละ 85

นักวิจารณ์จากพรรครีพับลิกัน ได้วาดภาพ ศธ. ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสิ้นเปลืองของกลไกภาครัฐ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นของรัฐบาลกลางที่มีขนาดเล็กลงเพื่อให้มลรัฐมีอำนาจมากขึ้น ขณะที่ในเดือน มี.ค. 2568  ทรัมป์พยายามทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมด้วยการเรียกร้องให้ยุบ ศธ. ทิ้ง โดยในวันที่ 20 มี.ค. 2568 ทรัมป์ได้กล่าวว่า ตนจะคืนการศึกษาให้กับมลรัฐอย่างที่ควรจะเป็น ในขอบเขตสูงสุดตามที่กฎหมายอนุญาต ก่อนที่จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปิดกระทรวงดังกล่าว

ถึงกระนั้น ทรัมป์ยังคงยืนยันว่า จะคงสิ่งจำเป็นพื้นฐานบางประการไว้ ซึ่งรวมถึงทุน Pell Grant ให้แก่นักเรียนจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย และเงินทุนของรัฐบาลกลางสำหรับนักเรียนที่ด้อยโอกาสและเด็กที่มีความต้องการพิเศษ แม้จะกล่าวว่าหน้าที่เหล่านี้จะถูกกระจายไปยังหน่วยงานและกระทรวงอื่นๆ ก็ตาม ในเดือน มี.ค. 2568 ทรัมป์ได้สั่งให้ ศธ. โอนพอร์ตสินเชื่อเพื่อการศึกษามูลค่า 1.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้แก่สำนักงานบริหารธุรกิจขนาดย่อม (Small Business Administration) และบริการการศึกษาพิเศษให้แก่กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (DHS)

แม้ว่าการยุบ ศธ. อย่างเป็นทางการจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา แต่การลดขนาดกระทรวงที่ประกาศในเดือน มี.ค. 2568 โดย ลินดา แม็กมาฮอน (Linda McMahon) บุคคลที่ทรัมป์ส่งไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีเป้าหมายที่จะลดจำนวนบุคลากรของกระทรวงฯ ลงเหลือประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนบุคลากรเมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือน ม.ค. 2568 ซึ่งหลังจากศาลมีคำวินิจฉัยล่าสุด แม็กมาฮอน ได้กล่าวว่า เป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับนักเรียนและครอบครัว ซึ่ง ศธ. สหรัฐฯ จะปฏิบัติตามพันธกิจในการฟื้นฟูความเป็นเลิศด้านการศึกษาของสหรัฐฯ

ในความเห็นของคณะตุลาการเสียงข้างน้อย โซเนีย โซโตมายอร์ (Sonia Sotomayor) กล่าวในคำวินิจฉัยส่วนบุคคล ว่า การกระทำของศาลฎีกาได้มอบอำนาจให้ประธานาธิบดียกเลิกกฎหมายโดยการปลดคนทั้งหมดที่จำเป็นในการบังคับใช้กฎหมาย การยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง ชะลอหรือปฏิเสธโอกาสทางการศึกษา และปล่อยให้นักเรียนต้องทนทุกข์ทรมานจากการเลือกปฏิบัติ การล่วงละเมิดทางเพศ และการละเมิดสิทธิพลเมืองอื่นๆ ตามที่รัฐสภาต้องการ คำวินิจฉัยดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนโดยผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยอีก 2 ท่าน คือ เอเลนา คาแกน  (Elena Kagan) และ เคตันจี บราวน์ แจ็กสัน (Ketanji Brown Jackson)

ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ มยอง จอน (Myong Joun) ซึ่งประจำอยู่ที่บอสตัน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) จากพรรคเดโมแครต ได้สรุปในคำตัดสินเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2568 ว่า การปลดเจ้าหน้าที่จำนวนมากในกระทรวงศึกษาธิการ"มีแนวโน้มที่จะทำให้กระทรวงฯ ล้มละลาย จึงสั่งให้รับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวกลับเข้าทำงานอีกครั้ง และยังขัดขวางแผนการของรัฐบาลที่จะโอนหน้าที่ของ ศธ.  ให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่นๆ

เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2568  ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขต 1 ซึ่งประจำอยู่ที่บอสตัน ได้ปฏิเสธคำร้องของรัฐบาลทรัมป์ที่ขอให้ระงับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นออก ต่อมากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งของจอน โดยกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต

ฝ่ายที่คัดค้านแนวคิดการยุบ ศธ. ของทรัมป์ และนำคดีเข้าสู่ศาล ได้เตือนว่าการปลดบุคลากรจำนวนมากในกระทรวงฯ อาจทำให้การเบิกจ่ายความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสำหรับโรงเรียนที่มีรายได้น้อยและนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษล่าช้าออกไป ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดแคลนบุคลากร ซึ่งอาจจำเป็นต้องลดหลักสูตรหรือลดจำนวนบุคลากรทางการสอน และยังโต้แย้งในเอกสารต่อศาลว่าความพยายามปิดโรงเรียนของทรัมป์จะบั่นทอนความพยายามที่จะปราบปรามการเลือกปฏิบัติในโรงเรียน วิเคราะห์และเผยแพร่ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลการเรียนของนักเรียน และช่วยเหลือผู้สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.reuters.com/legal/litigation/us-supreme-court-clears-way-trump-gut-education-department-2025-07-14/

043...

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'ผู้นำเผด็จการเมียนมา\'ตอบกลับจดหมาย\'ทรัมป์\' ดีใจสหรัฐฯยอมรับ-ขอบคุณสำหรับภาษีนำเข้า40% 'ผู้นำเผด็จการเมียนมา'ตอบกลับจดหมาย'ทรัมป์' ดีใจสหรัฐฯยอมรับ-ขอบคุณสำหรับภาษีนำเข้า40%
  • สหรัฐฯจัดหนัก! ขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดา 35% เริ่ม 1 ส.ค.นี้ สหรัฐฯจัดหนัก! ขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดา 35% เริ่ม 1 ส.ค.นี้
  • ‘ทรัมป์’หารือผู้นำ5ชาติ‘แอฟริกา’เปลี่ยนช่วยเหลือเป็นค้าขาย ย้ำ‘สหรัฐฯ’ดูแลดีกว่า‘จีน’ ‘ทรัมป์’หารือผู้นำ5ชาติ‘แอฟริกา’เปลี่ยนช่วยเหลือเป็นค้าขาย ย้ำ‘สหรัฐฯ’ดูแลดีกว่า‘จีน’
  • \'ทรัมป์\'ปกป้องชาติ! ประกาศขึ้น\'ภาษีทองแดง\'นำเข้า เขย่า3ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ 'ทรัมป์'ปกป้องชาติ! ประกาศขึ้น'ภาษีทองแดง'นำเข้า เขย่า3ประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่
  • \'ทรัมป์\'ร่อนจดหมายภาษีอีก8ประเทศ \'บราซิล\'อ่วมเจอรีดภาษีนำเข้า50%เซ่นปม\'โบลโซนาโร\' 'ทรัมป์'ร่อนจดหมายภาษีอีก8ประเทศ 'บราซิล'อ่วมเจอรีดภาษีนำเข้า50%เซ่นปม'โบลโซนาโร'
  • \'ทรัมป์\'เชิด! ไม่ขยายเส้นตายดีลภาษีทุกชาติ รมว.คลังโวสิ้นปีเก็บภาษีนำเข้าได้3แสนล้านดอลล์ 'ทรัมป์'เชิด! ไม่ขยายเส้นตายดีลภาษีทุกชาติ รมว.คลังโวสิ้นปีเก็บภาษีนำเข้าได้3แสนล้านดอลล์
  •  

Breaking News

สุดภูมิใจ! 'เชียงใหม่-กรุงเทพฯ'ติดท็อป 3 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย

ชำแหละ 3 ประเด็นปม‘แพทองธาร’ขอขยายเวลาชี้แจง‘คลิปเสียง’ สะท้อนล้มเหลว

ปภ.เชียงรายเตือน! 'น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก' พื้นที่อำเภอเทิง-หลังฝนตกหนัก

ข่าวดี!ผู้ประกันตน ม.33 ปรับเพิ่มเงินทดแทนกรณีว่างงาน จากการถูกเลิกจ้าง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved