ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังตึงเครียดที่สุดในรอบหลายปี ชื่อของ “ฮุน ซาเรือน” เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กลับกลายเป็นจุดสนใจของสาธารณชนอย่างไม่คาดคิด ไม่ใช่เพราะท่าทีทางการทูตอันสุขุม แต่กลับเป็นการ “โพสต์แขวะรัฐบาลไทย” บนโซเชียลฯ ที่ปลุกกระแสเดือดในโลกออนไลน์ จนในที่สุดเขาต้องลบโพสต์หนี หลังทางการไทยตัดสินใจ “ส่งกลับบ้าน” อย่างไร้เกียรติ
ประวัติ ไม่ธรรมดา ทูตปากแจ๋ว
หลานฮุนเซน เรียนจบเมืองไทย
ฮุน ซาเรือน (Hun Saroeun) ไม่ใช่แค่ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาธรรมดา แต่เขาคือ “หลานชาย” ของสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลของกัมพูชา
เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2528 ที่จังหวัดตาแก้ว ประเทศกัมพูชา
เรียกได้ว่า ซาเรือน คือคนใน “ตระกูลทางการเมือง” แห่งกัมพูชาโดยตรง การได้รับมอบหมายให้เป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะไทยถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญต่อทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงของกัมพูชา
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ ซาเรือน ต่างจากนักการทูตเขมรทั่วไปคือ “การเติบโตแบบลูกหลานชนชั้นนำ” และ “การศึกษาจากประเทศไทย”
เขาสำเร็จปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และต่อด้วยปริญญาโท ด้านนโยบายสาธารณะจากสถาบัน NIDA แถมยังเคยอบรมหลักสูตรนักบริหารการทูตรุ่นที่ 6 จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย พูด-เขียน ไทยได้คล่อง เข้าใจระบบราชการไทยดี
แต่สิ่งที่ขาดไปคือ... “มารยาททางการทูต”
หลังจากเกิดเหตุการณ์ ชุดลาดตระเวนของทหารไทยเหยียบกับระเบิด มีทหารได้รับบาดเจ็บ ขาขาด ที่บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ได้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ทางการไทยต้องยกระดับมาตรการตอบโต้กัมพูชา หนึ่งในมาตรการนั้นคือ การลดระดับความสัมพันธ์ และการส่งทูตกัมพูชาที่ประจำอยู่ในกรุงเทพฯ กลับประเทศ
และต่อมา ฮุน ซาเรือน ก็ได้ทำให้คนไทยจำชื่อเขาได้ไม่ลืม ด้วยการโพสต์ข้อความ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“หลังจากผมกลับแล้ว หวังว่าท่านและพวกยังอยู่นะครับ บริหารแบบใช้อารมณ์เช่นนี้ ไม่รู้ได้กี่น้ำ”
ข้อความสั้นๆ นี้ จุดไฟโหมกระแสโซเชียลฯ ไทยในทันที ชาวเน็ตจำนวนมากรุมวิจารณ์อย่างรุนแรง โพสต์ถูกลบภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที แต่ช้าไปแล้ว เพราะแคปไว้กันทั้งเมือง
นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า พฤติกรรมของฮุน ซาเรือน สะท้อน “วิธีคิดของกลุ่มชนชั้นนำเขมรรุ่นใหม่” ที่เติบโตมากับความมั่นใจในสายเลือด ขณะเดียวกันก็ใช้อาวุธโซเชียลมีเดีย โดยไร้ความยั้งคิด
ในขณะที่กัมพูชาภายใต้การนำของ ฮุน มาเนต พยายามสร้างภาพประเทศที่ทันสมัย มั่นคง และเป็นมิตรในเวทีอาเซียน การกระทำของ ฮุน ซาเรือน กลับกลายเป็นจุดด่างในภาพลักษณ์ดังกล่าว
บทเรียนจาก “ทูตปากไว”
ฮุน ซาเรือน อาจจบจากสถาบันชั้นนำในไทย มีสายเลือดระดับสูง และพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่ว... แต่การเมืองระหว่างประเทศไม่ใช่แค่เรื่องของเนื้อหาหรือเจตนา มันยังเป็นเรื่องของจังหวะ สีหน้า และ “คำพูด” บนโลกออนไลน์ด้วย
และในครั้งนี้ คำพูดเพียงไม่กี่ประโยค... ไม่เพียงแต่จะทำให้คนไทยจดจำชื่อเขาได้ดี ในฐานะทูตปากดีที่ไร้มารยาท แต่โพสต์ๆ นี้ ได้กลายเป็นดิจิทัลฟุตปรินท์ หรือ หลักฐานในโลกดิจิทัล ที่จะถูกบันทึกเอาไว้นานแสนนาน ไม่ว่าวันหน้าเส้นทางของ ฮุน ซาเรือน จะเติบใหญ่บนเส้นทางการทูตหรือการเมืองอย่างไร แต่มันคือความด่างพร้อยที่จะติดตัวไปตลออดกาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี