12 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือภายใต้การนำของคิม จองอึน กำลังเพิ่มการใช้โทษประหารชีวิต โดยรวมถึงผู้ที่รับชมหรือเผยแพร่สื่อต่างประเทศ เช่น ซีรีส์เกาหลีใต้หรือภาพยนตร์ตะวันตก ซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยต่อการควบคุมข้อมูลของรัฐ

รายงานซึ่งอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้หลบหนีจากเกาหลีเหนือกว่า 300 คนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ระบุว่า ประชาชนในประเทศถูกควบคุมในทุกด้านของชีวิต การเฝ้าระวังมีความเข้มข้นมากขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี และเสรีภาพถูกจำกัดอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง

มีผู้หลบหนีรายงานว่า ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา มีการประหารชีวิตในที่สาธารณะโดยการยิงเป้า เพื่อสร้างความหวาดกลัว เช่น การประหารชีวิตคนหนุ่มสาวที่ถูกจับได้ว่าครอบครองสื่อจากเกาหลีใต้

แม้คิม จองอึน เคยให้คำมั่นเมื่อขึ้นสู่อำนาจในปี 2011 ว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิต แต่หลังจากหันหลังให้การเจรจาทางการทูตในปี 2019 และมุ่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แทน สถานการณ์สิทธิมนุษยชนและความเป็นอยู่ของประชาชนกลับแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

ประชาชนจำนวนมากประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร การกินข้าวครบสามมื้อกลายเป็นเรื่องหรูหรา ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ปราบปรามตลาดนอกระบบและเพิ่มการควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวด รวมถึงสั่งให้ยิงผู้ที่พยายามหลบหนีออกนอกประเทศ

รายงานยังชี้ว่า มีการใช้แรงงานบังคับมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนยากจน เด็กกำพร้า และเด็กเร่ร่อน ซึ่งถูกเกณฑ์ไปทำงานหนักในเหมืองและไซต์ก่อสร้างที่เสี่ยงอันตรายสูง

แม้จะมีรายงานการปรับปรุงในบางเรือนจำ แต่ค่ายกักกันทางการเมืองอย่างน้อย 4 แห่งยังเปิดดำเนินการอยู่ โดยผู้ต้องขังยังคงถูกทรมานและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

นายโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เตือนว่า หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ชาวเกาหลีเหนือจะยังคงเผชิญกับ “ความทุกข์ทรมาน การปราบปราม และความหวาดกลัว” ต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ที่มา bbc