25 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่แรงงานกัมพูชาอายุเกิน 45 ปี จะได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ เนื่องจากโรงงานส่วนใหญ่จำกัดอายุการจ้างอยู่ที่ 40–45 ปี ความจริงนี้ถูกเปิดเผยขึ้นท่ามกลางวิกฤตแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทย ซึ่งจำนวนมากกำลังเผชิญภาระหนี้สินและขาดทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดงานในประเทศ

'เฮง ซัว' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพกัมพูชา ระบุว่าภาคเกษตรกรรมยังมีความยืดหยุ่นมากกว่า เปิดโอกาสให้ทำงานได้ถึงอายุ 50 ปี พร้อมเผยว่ากระทรวงได้ขยายโครงการฝึกอาชีพสำหรับแรงงานสูงวัย เพื่ออบรมทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพในชุมชน โดยเขายังเรียกร้องให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) เปิดโอกาสจ้างแรงงานกัมพูชาที่กลับจากไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เพื่อบูรณาการเข้าสู่ตลาดแรงงานภายในประเทศ พร้อมได้กล่าวขอบคุณแรงงานที่ทำงานในโรงงานต่างๆ ซึ่งช่วยเหลือญาติและเพื่อนบ้านที่กลับจากไทยให้มีงานทำในท้องถิ่น พร้อมกระตุ้นให้รักษาน้ำใจและจิตวิญญาณแห่งความสามัคคีนี้ต่อไป

ด้านโฆษกกระทรวงแรงงาน แนะนำให้ผู้ที่กำลังหางานติดต่อสายด่วน 1297 หรือใช้คิวอาร์โค้ดจากสื่อสังคมออนไลน์ทางการของกระทรวง รวมถึงแพลตฟอร์มของสำนักงานการจ้างงานแห่งชาติ (NEA) เพื่อลงทะเบียนหางาน โดยยืนยันว่าปัจจุบันมีตำแหน่งงานว่างเกือบ 100,000 อัตรา ในหลายภาคอุตสาหกรรม ทั้งแรงงานมีฝีมือและไร้ฝีมือ เขายังเตือนถึงความเสี่ยงจากการอพยพไปทำงานต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ถูกปฏิเสธสิทธิประโยชน์ หรือถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ต่างชาติ พร้อมเรียกร้องให้แรงงานเลือกหางานในประเทศแทน โดยเฉพาะในช่วงที่ชายแดนกัมพูชา–ไทยยังคงตึงเครียด

งานวิจัยล่าสุดของสถาบันพัฒนาทรัพยากรกัมพูชา (CDRI) ระบุว่า มีแรงงานกัมพูชาราว 720,000 คน จากทั้งหมด 910,000 คนที่เดินทางกลับจากวิกฤตชายแดน แต่จนถึงตอนนี้มีเพียง 21% ที่ได้งานทำ ขณะที่เกือบครึ่งล้านคนยังคงตกงาน หากสถานการณ์ยังดำเนินเช่นนี้ต่อไป ครัวเรือนที่เผชิญความขัดสนอาจเพิ่มจาก 30% เป็น 50% และจะไม่เพียงสร้างความเดือดร้อนต่อแรงงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชนบทของกัมพูชา ซึ่งพึ่งพารายได้จากเงินที่แรงงานในต่างแดนส่งกลับบ้านมายาวนาน

ขอบคุณข้อมูล :  สำนักข่าวขแมร์ไทม์