สหรัฐฯชัตดาวน์ วุฒิฯเดโมแครตคว่ำก.ม.งบฯ หน่วยงานรัฐพักงานทั้งหมด

สหรัฐฯชัตดาวน์ วุฒิฯเดโมแครตคว่ำก.ม.งบฯ หน่วยงานรัฐพักงานทั้งหมด

วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

สหรัฐฯ ชัตดาวน์ครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจาก วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต คว่ำร่างก.ม.งบประมาณ ที่ให้เงินทุน สนับสนุนรัฐบาล ส่งผลให้หน่วยงานรัฐเกือบทั้งหมด มีการพักงานเจ้าหน้าที่แบบไม่มีกำหนด

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ต้องเผชิญกับภาวะปิดทำการชั่วคราว (Government shutdown) เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี หลังจากวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตโหวตคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณ ที่จะให้เงินทุนสนับสนุนรัฐบาลต่อไป ส่งผลให้พนักงานรัฐนับแสนรายถูกพักงาน


ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติ 55 ต่อ 45 เสียง เห็นชอบร่างกฎหมายขยายการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งคะแนนโหวตสนับสนุนที่ออกมายังไม่ถึง 60 เสียงตามเกณฑ์ที่กำหนดทำให้ร่างกฎหมายนี้ตกไป ส่งผลให้รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับภาวะปิดทำการชั่วคราว หรือชัตดาวน์ ไปเมื่อเวลา 00.01 น.วันเดียวกันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทย โดยเป็นการเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลกลาง ต้องระงับการทำงานทั้งหมด ยกเว้นแต่หน่วยงานที่จำเป็น เช่น หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ภาวะชัตดาวน์นี้จะส่งผลกระทบต่อทุกอย่างตั้งแต่การเดินทางทางอากาศ จนถึงการจ้างงานรายเดือน

การเผชิญหน้าด้านงบประมาณของสหรัฐฯ กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เนื่องจากการเมืองมีความผันผวนมาก

ในครั้งนี้ พรรคเดโมแครต ยืนกรานว่า ร่างกฎหมายงบประมาณใดๆ ก็ตาม จะต้องรวมเงินอุดหนุนด้านสาธารณสุข Affordable Care Act (ACA) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Obamacare เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ขณะที่รีพับลิกันยืนกรานว่าทั้งสองประเด็นควรจะแยกออกจากกัน โดย ส.ว.เคริสเทน กิลลิแบรนด์ และ แกรี่ ปีเตอร์ อธิบายว่า พวกเขาต้องการกดดันให้รีพับลิกัน กลับมาเจรจาเพราะหากไม่ต่อเงินอุดหนุน ชาวอเมริกัน กว่า 20 ล้านคน อาจถูกขึ้นค่าเบี้ยประกันสุขภาพในไม่ช้า ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน

ด้านจอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาร่างกฎหมายเพื่อเอาใจเดโมแครต โดยย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการเปิดรัฐบาลก่อน ส่วนเรื่องประกันสุขภาพค่อยไปเจรจากัน

ส่วนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เอง ก็มีท่าทีแข็งกร้าว โดยก่อนที่จะมีการลงมติของวุฒิสภา ทรัมป์ เคยขู่ว่าจะยกเลิกโครงการที่พรรดเดโมแครต สนับสนุน และจะไล่พนักงานของรัฐบาลออกเพิ่มอีกหากเกิดภาวะชัตดาวน์ และแน่นอนว่าคนที่จะถูกไล่ออกก็คือพวกเดโมแครต

การชัตดาวน์รัฐบาลครั้งนี้ ส่งผลให้พนักงานรัฐราว 750,000 คน ถูกพักงาน โดยไม่ได้รับเงินเดือน หรือที่เรียกกันอีกคำว่า Leave without pay ส่วนพนักงานที่มีหน้าที่จำเป็น เช่น ควบคุมการจราจรทางอากาศ ทหาร และตำรวจ ต้องทำงานต่อโดยไม่ได้รับเงินจนกว่าวิกฤตจะคลี่คลาย การเลิกจ้างงานเช่นนี้ยังจะทำให้เกิดภาวะสมองไหลของรัฐบาล เพราะจะมีคนงานกว่า 150,000 คน ที่ต้องออกจากระบบเงินเดือนของรัฐบาลกลางในสัปดาห์นี้

กระทรวงคมนาคม ระบุว่า จำเป็นต้องพักงานพนักงาน FAA จำนวน 11,322 คน ส่วนพนักงานที่เหลือกว่า 33,000 คน เช่น ควบคุมการจราจรทางอากาศ 13,000 คน ทำงานต่อโดยไม่ได้รับเงิน บริการสาธารณะ เช่น สวนสาธารณะแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน และการคืนภาษีอาจหยุดชะงัก ถือเป็นการออกจากระบบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี และเป็นการชัตดาวน์ครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ภายหลังเหตุชัตดาวน์ครั้งล่าสุดเมื่อช่วงปี 2561 -2562 เป็นเวลา 35 วันในช่วงรัฐบาลทรัมป์ สมัยแรก เนื่องจากเกิดข้อพิพาทเรื่องผู้อพยพ ซึ่งในครั้งนั้นทำให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจ เป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 0.02 % ของจีดีพีสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งสองพรรค ยังคงแตกแยก สภาคองเกรส จะโหวตร่างงบของรีพับลิกันอีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ตามเวลาในประเทศไทย แต่คาดว่ายังไม่ผ่าน เพราะต้องการคะแนนเดโมแครต เพิ่มอย่างน้อย 8 เสียง และการเจรจาอาจล่าช้าด้วยวันหยุดปีใหม่ของชาวยิว หรือ Yom Kippur (2-3 ตุลาคม) ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่า รัฐบาลจะปิดไปนานแค่ไหน

ก่อนหน้านี้ รอยเตอร์รายงานว่า การเมืองสหรัฐฯ ว่าด้วยการปะทะกันเรื่องงบประมาณระหว่างสองพรรค โดยมีการชัตดาวน์เป็นเดิมพันนั้น กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจนเกือบจะปกติแล้วในสหรัฐฯ ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา และมักจะแก้ไขได้ในนาทีสุดท้ายทันก่อนเส้นตาย แต่ครั้งนี้การที่ทรัมป์ ดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญทั้งกับการชัตดาวน์และไม่พยายามผลักดันให้ร่างงบประมาณระยะสั้นผ่านรัฐสภาให้ทันเส้นตาย ส่งผลให้ความไม่แน่นอนให้เพิ่มมากขึ้น

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อย่างเป็นทางการแล้ว ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นมาตรการภายในของสหรัฐฯ

ส่วนการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ นั้น ได้ข้อสรุปและข้อตกลงเบื้องต้นไว้แล้ว ขณะที่ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องภายในที่สหรัฐฯ ยังไม่เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังมีความผันผวนมากขึ้น แต่ไทยมีการเตรียมรับมือมาโดยตลอด โดยเฉพาะการหาตลาดใหม่ๆ เพื่อลดการพึ่งพาเพียงแหล่งเดียว

สำหรับกรณีมีการปลดแรงงานจำนวนมากใน จ.เพชรบุรี นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมตรวจสอบและแก้ไขอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องกฎระเบียบ

ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การชัตดาวน์ในสหรัฐฯ เป็นเรื่องการเมืองภายใน เชื่อว่าจะมีทางออกในที่สุด โดยยืนยันว่าไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ดังกล่าว

ขณะที่นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าหากสถานการณ์ government shutdown ของสหรัฐฯ ไม่ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ น้อย เพราะหน่วยงานภาครัฐที่จำเป็นและสำคัญ ยังคงเปิดดำเนินการ ส่วนผลกระทบต่อไทย จะผ่านช่องทางความผันผวนในตลาดการเงินเป็นหลัก ขณะนี้ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในตลาดการเงินไทย แต่ต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจากฎหมายงบประมาณของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด จึงขอแนะนำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุน บริหารความเสี่ยงจากความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดการเงิน

สำหรับภาพรวมตลาดการเงินโลก โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด โดยช่วงข้ามคืนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) อ่อนค่าลงเพียงเล็กน้อยที่ 0.2% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury) อายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 1.2 bps สะท้อนว่าตลาดทยอยรับรู้ (priced-in) ความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ตลาดการเงินไทย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย 0.09% โดยเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับ 32.45 บาท ทั้งนี้ เงินสกุลภูมิภาคเคลื่อนไหวในกรอบแคบเช่นกัน ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 2 bps มาอยู่ที่ระดับ 1.4% ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top