วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568
24 ตุลาคม 2568 สำนักข่าว เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ เว็บไซต์-หนังสือพิมพ์รายวันของอเมริกา รายงานผ่านบทความโดยพาดหัวว่า "Americans Have Lost Billions to Online Scams. How Is That Possible?" (ชาวอเมริกันสูญเสียเงินหลายพันล้านจากการหลอกลวงทางออนไลน์ เป็นไปได้อย่างไร?)
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ชาวอเมริกันสูญเสียเงินมากกว่า 16.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับอุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ศูนย์หลอกลวงเหล่านี้อาศัยแรงงานบังคับ และแพร่หลายมากขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ จากการประมาณการบางส่วน พบว่าศูนย์เหล่านี้ทำรายได้อย่างน้อย 64,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ทางการในหลายประเทศพยายามช่วยเหลือผู้ที่ถูกลักพาตัวและตกเป็นทาสเพื่อทำงานเป็นมิจฉาชีพ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรเพิ่งจะประกาศคว่ำบาตรบริษัทกัมพูชาที่ถูกกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจหลอกลวงครั้งใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการดำเนินคดีกับกลุ่มอาชญากรที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้จะต้องอาศัยความพยายามอีกมาก
นี่คือวิธีการทำงานของศูนย์และสาเหตุที่ปิดตัวลงได้ยาก : แก๊งสแกมเมอร์จะเล็งเป้าหมายไปที่เหยื่อโดยอาศัยการได้รับความไว้วางใจจากพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย
แก๊งอาชญากรรมทางออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเชี่ยวชาญด้าน "กลโกงเชือดหมู" ซึ่งเป็นกระบวนการที่นักต้มตุ๋นสร้างความไว้วางใจกับเหยื่อเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนก่อนที่จะขอให้พวกเขาลงทุนในกองทุนสกุลเงินดิจิทัลปลอม ในแง่นั้นพวกเขาเปรียบเสมือนชาวนาที่กำลังเลี้ยงหมูเพื่อนำมันไปฆ่า
เหยื่อมักได้รับข้อความจากบุคคลที่ปลอมตัวเป็นที่ปรึกษาทางการเงินบนเฟซบุ๊ก วอทส์แอพพ์ หรือเทเลแกรม จากนั้นมิจฉาชีพจะสั่งให้บุคคลนั้นโอนเงินผ่านเว็บไซต์ที่แอบอ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนที่ถูกกฎหมาย ในปี 2566 ประธานธนาคารขนาดเล็กแห่งหนึ่งในรัฐแคนซัสได้กระทำการดังกล่าว ทำให้สูญเสียเงินของธนาคารไปประมาณ 47 ล้านดอลลาร์ให้กับคนที่หลอกลวง
มิจฉาชีพยังใช้กลโกงแก๊งโรแมนซ์สแกม โดยหลอกล่อผู้ที่หย่าร้าง หรือเพิ่งเป็นหม้ายให้ส่งเงินจำนวนมากหลังจากคบหาดูใจกันเพียงระยะสั้นๆ บางครั้งพวกเขาเพียงแค่โทรหาเป้าหมายทางโทรศัพท์ โดยปลอมตัวเป็นตัวแทนธนาคารเพื่อขอรายละเอียดบัญชี รหัส PIN และหมายเลขประกันสังคม
ผู้ปฏิบัติการเหล่านี้สามารถเล็งเป้าหมายไปที่เหยื่อทั่วโลก เนื่องจากใช้มิจฉาชีพที่เป็นเจ้าของภาษา ชาวจีนเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกแก๊งอาชญากรค้ามนุษย์ไปยังแหล่งหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามข้อมูลของอินเตอร์โพล นอกจากนี้ ยังมีชาวบราซิล อินเดีย ฟิลิปปินส์ และผู้คนจากบางส่วนของแอฟริกาและยุโรปตะวันออก
ศูนย์หลอกหลวงดำเนินงานด้วยแรงงานและไฟฟ้าที่ต่อเนื่อง ทำให้ศูนย์หลอกหลวงหลายแห่ง ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา จัดตั้งขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เขตเหล่านี้ส่วนใหญ่ติดชายแดนประเทศไทย ทำให้อาชญากรสามารถเข้าถึงเครือข่ายไฟฟ้าและโทรคมนาคมของไทยอย่างง่ายดาย
ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังใช้สนามบินและถนนของไทย ในการขนส่งสิ่งของและเจ้าหน้าที่ โดยคนงานถูกล่อลวงมาประเทศไทยเพื่อมาทำงานที่พวกเขาคิดว่าเป็นงานบริการลูกค้า หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่หลังจากเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ จะถูกพาตัวข้ามพรมแดน และถูกขัง ทำร้ายร่างกาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี