31 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เต็งกู ซาฟรูล อับดุล อาซิซ รัฐมนตรีการค้าของมาเลเซีย แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า มาเลเซียจะอนุญาตให้มีการส่งออกแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากไปยังสหรัฐฯ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระยะสั้น หรือเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ยืนยันข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง 

มาเลเซียจะคงการห้ามส่งออกแร่ธาตุหายากดิบ (raw rare earths) เพื่อปกป้องทรัพยากรในประเทศ แม้จะเพิ่งลงนามในข้อตกลงด้านแร่ธาตุสำคัญกับสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศและการถ่ายทอดเทคโนโลยี สำหรับการทำเหมืองและแปรรูปแร่หายากในประเทศแทน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียเอง

ตามการประเมินของรัฐบาล มาเลเซียมีแหล่งแร่หายาก (rare earth deposits) ประมาณ 16.1 ล้านเมตริกตัน แต่ยังขาดเทคโนโลยีสำหรับการทำเหมืองและการแปรรูปแร่เหล่านี้ ซึ่งแร่หายากถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี เซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงขีปนาวุธ ขณะที่เมื่อต้นเดือนนี้ มาเลเซียกำลังเจรจากับจีนเกี่ยวกับการแปรรูปแร่หายาก โดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ "คาซานาห์ เนชันแนล" (Khazanah Nasional) ของมาเลเซีย จะร่วมมือกับบริษัทจีนแห่งหนึ่งเพื่อสร้างโรงงานกลั่นแร่หายากในมาเลเซีย

โดยสหรัฐฯ ได้ลงนามในข้อตกลงแยกต่างหากกับมาเลเซียและไทย ระหว่างการเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อเสริมความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ ท่ามกลางการแข่งขันกับความพยายามของจีนในด้านเดียวกัน โดยมาเลเซียตกลงที่จะไม่ออกมาตรการห้าม หรือกำหนดโควตาสำหรับการส่งออกแร่ธาตุสำคัญ หรือธาตุแร่หายากไปยังสหรัฐฯ