'เวียดนาม'ทบทวนแผนรับมือน้ำท่วมหลังพายุถล่มทั้งปี

'เวียดนาม'ทบทวนแผนรับมือน้ำท่วมหลังพายุถล่มทั้งปี

วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 20.19 น.

เวียดนามกำลังทบทวนวิธีการรับมือกับน้ำท่วม หลังจากถูกพายุถล่มอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดทั้งปีนี้ ทำให้หลายเมืองกลายเป็นเมืองบาดาล เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

รัฐบาลเวียดนามกำลังลงทุนเงินจำนวนมากในการปรับตัวเข้ากับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า ยุคใหม่แห่งสภาพอากาศสุดขั้ว โดยได้ระบุในแผนแม่บทระดับประเทศจนถึงปี 2573 ว่า จะลงทุนมากกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 195,300 ล้านบาท) ในการสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้าและย้ายชุมชนเสี่ยงภัย เมืองเล็กหลายแห่งกำลังขยายระบบระบายน้ำ สร้างพื้นที่กักเก็บน้ำท่วม และปรับเปลี่ยนพื้นที่ริมน้ำให้เป็นพื้นที่สีเขียวที่สามารถดูดซับและระบายน้ำจากฝนตกหนัก


นายเบนจามิน ฮอร์ตัน อาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลก มหาวิทยาลัยซิตียูนิเวอร์ซิตีออฟฮ่องกงระบุว่า เวียดนามและประเทศเพื่อนบ้านกำลังอยู่ในแถวหน้าของภาวะโลกรวน (climate disruption) พายุที่ถล่มเวียดนามลูกแล้วลูกเล่าในปีนี้เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมพายุที่เปลี่ยนแปลงไป อันเป็นสัญญาณชัดเจนของภาวะโลกร้อน ปัจจุบันน้ำในมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้นเกือบ 1 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม เป็นเหตุให้พายุสะสมความชื้นมากยิ่งขึ้น

เฉพาะปีนี้เวียดนามเผชิญพายุแล้ว 12 ลูก และดีเปรสชันเขตร้อน 5 ลูก เช่น รากาซา (Ragasa), บัวลอย (Bualoi), แมตโม (Matmo) มีทั้งขึ้นฝั่งโดยตรงหรือทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ตอนเหนือและตอนกลางของประเทศ และล่าสุดคือ ไต้ฝุ่นคัลแมกี (Kalmaegi) ที่คาดว่าจะขึ้นฝั่งเวียดนามในวันศุกร์ หลังจากสร้างความเสียหายหนักให้แก่พื้นที่ตอนกลางของฟิลิปปินส์ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 66 คน พื้นที่ที่เสียหายหนักที่สุดคือจังหวัดเซบู

สื่อทางการเวียดนามประเมินว่า สภาพอากาศสุดขั้วจะสร้างความเสียหายให้ประเทศราว 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 45,570 ล้านบาท) ในปีนี้ ทางการคาดว่า จะต้องทุ่มงบประมาณ 55,000-92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.79-2.99 ล้านล้านบาท) ในทศวรรษนี้ เพื่อจัดการและปรับเปลี่ยนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

ปัจจุบันชาวเวียดนามประมาณ 18 ล้านคน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของประเทศ อาศัยอยู่ใน 2 เมืองใหญ่คือกรุงฮานอยทางตอนเหนือและนครโฮจิมินห์ทางตอนใต้ ทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่เคยเป็นกันชนทางธรรมชาติในยามที่เกิดน้ำท่วม แต่ถูกความเป็นเมืองคอนกรีตแทนที่พื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่การเกษตรจนไม่สามารถรองรับน้ำฝนที่ตกหนักได้ จึงเกิดน้ำท่วมขังอยู่เสมอ

ขณะนี้สังคมเวียดนามเริ่มมีการพูดถึงการทำให้เมืองสามารถอยู่ร่วมกับพายุ สมาคมธุรกิจยุโรปหลายแห่งเรียกร้องให้นครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางพาณิชย์ของเวียดนามปรับเปลี่ยนให้เป็นเมืองฟองน้ำ (sponge city) ด้วยการสร้างพื้นที่ชุ่มน้ำสำหรับกักเก็บน้ำฝนและนำมาใช้ใหม่ เพื่อลดการเกิดน้ำท่วมและระบายความร้อนให้แก่เมือง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top