วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
6 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากกรณีที่เครื่องบินขนส่งสินค้า UPS ประสบตกและเกิดการระเบิด ขณะกำลังขึ้นบินจาก UPS Worldport ซึ่งเป็นฐานของบริษัทในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บ 11 ราย แต่คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเรื่อยๆ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เครื่องบินขนส่งสินค้าUPSตกในรัฐเคนทักกี พบมีผู้เสียชีวิต3ราย-เจ็บอย่างน้อย11ราย)
ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง เปิดเผยว่า ก่อนเครื่องบินตกปีกซ้ายของเครื่องบินลำดังกล่าวเกิดเพลิงไหม้และเครื่องยนต์หลุดออก ก่อนที่จะตกและระเบิดหลังจากขึ้นบินจาก UPS Worldport ซึ่งเป็นฐานของบริษัทในเมืองหลุยส์วิลล์ ถือเป็นการให้ข้อมูลการสืบสวนครั้งแรกเกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งนี้
แอนดี เบเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนทักกี กล่าวว่า ไม่น่าจะพบผู้รอดชีวิตแล้วหลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ค้นหาบริเวณที่ไหม้ของเครื่องบิน เพลิงไหม้ได้เผาผลาญเครื่องบินลำมหึมาและลุกลามไปยังธุรกิจใกล้เคียงด้วย คาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกโดยกล่าวว่าเจ้าหน้าที่กำลังค้นหาคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่คาดว่าจะพบใครที่ยังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
ทอดด์ อินแมน สมาชิกคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติ (NTSB) ซึ่งเป็นผู้นำการสืบสวน กล่าวว่า หลังจากได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินได้ เกิดเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ที่ปีกซ้าย ขณะนี้ NTSB จะพยายามหาสาเหตุของเพลิงไหม้และสาเหตุที่เครื่องยนต์หลุดออก ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนน่าจะใช้เวลามากกว่า 1 ปีในการหาคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ โดย เครื่องบินได้บินขึ้นสูงพอที่จะพ้นรั้วที่ปลายรันเวย์ก่อนที่จะตก ขณะที่วิดีโอจากกล้องวงจรปิดของสนามบิน แสดงให้เห็นเครื่องยนต์ด้านซ้ายหลุดออกจากปีกขณะเครื่องกำลังขึ้นบิน ส่วนเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินและเครื่องบันทึกข้อมูลถูกกู้คืนแล้วและพบเครื่องยนต์ที่ตกอยู่ในสนามบินด้วย มีชิ้นส่วนต่างๆ มากมายของเครื่องบินลำนี้อยู่ในหลายพื้นที่

'มาร์ก ลิตเติล' หัวหน้าหน่วยดับเพลิงโอโคโลนาในเมืองหลุยส์วิลล์ กล่าวว่า เศษซากจะต้องถูกเคลื่อนย้ายเพื่อค้นหาผู้สูญหาย เขาได้กล่าวว่าเราคงต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน
ขณะที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ระบุว่า ขณะนี้ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย และมีผู้ที่ได้รับการรักษาและออกจากโรงพยาบาลแล้ว 18 ราย
ทางด้าน UPS กล่าวว่า รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งศูนย์จัดการพัสดุภัณฑ์ที่เมืองหลุยส์วิลล์เป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ศูนย์กลางแห่งนี้มีพนักงานมากกว่า 20,000 คน มีเที่ยวบิน 300 เที่ยวบินต่อวัน และคัดแยกพัสดุภัณฑ์มากกว่า 400,000 ชิ้นต่อชั่วโมง
ส่วน 'เจฟฟ์ กุซเซ็ตติ' อดีตเจ้าหน้าที่สอบสวนอุบัติเหตุเครื่องบินตกของรัฐบาลกลาง กล่าวว่ามีหลายสาเหตุที่อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ขณะที่เครื่องบินของ UPS กำลังแล่นขึ้นจากรันเวย์ อาจเกิดจากเครื่องยนต์ดับบางส่วนและทำให้ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงฉีกขาด หรืออาจเป็นการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้เกิดการจุดระเบิดและเผาไหม้เครื่องยนต์ มันยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้
"เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกันมากกับเหตุการณ์ในปี 1979 เมื่อเครื่องยนต์ด้านซ้ายหลุดออกจากเครื่องบินเจ็ตของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ ขณะกำลังออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติโอแฮร์ในชิคาโก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 273 คน เครื่องบิน UPSลำนี้และเครื่องบินของสายการบินอเมริกันใช้เครื่องยนต์ของเจเนอรัลอิเล็กทริกรุ่นเดียวกัน"
บันทึกการบินแสดงให้เห็นว่าเครื่องบิน UPS อยู่บนพื้นดินในซานอันโตนิโอตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน- 18 ตุลาคม แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีการบำรุงรักษาอะไรหรือไม่และมีผลกระทบต่อการตกหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี