วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สื่ออังกฤษเปิดบทวิเคราะห์ชายแดนไทย-เขมรเดือด อาวุธจากจีน'PHL-03'ไม้ตายกัมพูชาจุดชนวนศึก

สื่ออังกฤษเปิดบทวิเคราะห์ชายแดนไทย-เขมรเดือด อาวุธจากจีน'PHL-03'ไม้ตายกัมพูชาจุดชนวนศึก

วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 18.24 น.

13 ธันวาคม 2568 สำนักข่าว เดอะ เทเลกราฟ (The Telegraph) สื่อของประเทศสหราชอาณาจักร เผยบทวิเคราะห์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า แม้จะยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าใครเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางระหว่างไทยและกัมพูชาเมื่อวันจันทร์ แต่หลังจากความตึงเครียดทวีความรุนแรง กัมพูชาได้ตัดสินใจเคลื่อนย้ายระบบจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ที่ผลิตโดยจีน เข้าใกล้ชายแดนพิพาทมากขึ้น ทำให้ไทยต้องรีบตอบสนอง 

ซึ่งตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ (IISS) ของสหราชอาณาจักร กัมพูชามีระบบ PHL-03 อยู่ 6 ชุด ขณะที่ฐานข้อมูลกองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า PHL-03 สามารถยิงจรวดนำวิถีและไม่นำวิถีได้ในระยะ 70-130 กิโลเมตร ขณะที่ BM-21 ที่ออกแบบโดยสหภาพโซเวียตมีพิสัยการยิงเพียง 15-40 กิโลเมตร ด้วยพิสัยการยิงถึง 130 กิโลเมตร สนามบินประจำจังหวัดและโรงพยาบาลประจำอำเภออาจอยู่ในระยะยิงของเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่ได้ ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจดำเนินปฏิบัติการเชิงรุกโจมตีทางอากาศใส่คลังยุทโธปกรณ์ของกัมพูชา การโจมตีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยจีน ซึ่งมีส่วนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น แม้ว่ารัฐบาลปักกิ่งจะเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธีก็ตาม


ทิตา แสงลี (Tita Sanglee) นักวิชาการสมทบสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak Institute) กล่าวว่า จีนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างสองประเทศ แม้ตนเองจะเป็นมหาอำนาจก็ตาม โดยจีนไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ไทยไม่พอใจ แต่ขณะเดียวกัน กัมพูชาก็เป็นเหมือน 'ลูกค้า' ของจีน แม้จีนอาจไม่ต้องการให้กัมพูชาใช้อาวุธของตนโจมตีไทย แต่จีนก็จำเป็นต้องรักษาสัมพันธไมตรีกับกัมพูชาไว้เช่นกัน

สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในเหตุปะทะครั้งก่อนระหว่างไทยและกัมพูชาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งครั้งนั้นกินเวลา 5 วัน และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 48 ราย ประชาชนราว 300,000 คนต้องอพยพหนีภัยสู้รบ 

โดยเอกสารข่าวกรองของไทยที่เดอะนิวยอร์กไทม์สได้ตรวจสอบ ชี้ว่าเมื่อเดือนมิถุนายน หรือไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่การเผชิญหน้าจะปะทุขึ้น เครื่องบินลำเลียง Y-20 ของจีนได้บินไปยังกัมพูชาถึง 6 ครั้ง นำส่งจรวด กระสุนปืนใหญ่ และลูกระเบิด อาวุธเหล่านี้ ซึ่งบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ 42 ตู้ ถูกลำเลียงไปยังพื้นที่พิพาท ก่อนที่ในเวลาต่อมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้สรุปว่า จรวดส่วนใหญ่ที่กัมพูชาใช้ยิงโจมตี 4 จังหวัดของไทยนั้นมาจากจีน

จีนได้กลายเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยเฉพาะหลังจากที่สหรัฐฯ ระงับการขายอาวุธให้พนมเปญในปี 2010 เนื่องจากความกังวลด้านสิทธิมนุษยชน ความช่วยเหลือของจีนไม่จำกัดเพียงยุทโธปกรณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนมหาศาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชา โดยเฉพาะฐานทัพเรือเรียมบริเวณอ่าวไทย ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลอย่างมาก

ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและเวียดนามกังวลว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ฐานทัพเรือเรียมอาจทำให้จีนสามารถใช้ฐานทัพดังกล่าวได้แต่เพียงผู้เดียว และอาจกลายเป็นการโอบล้อมแนวชายฝั่งของเวียดนามซึ่งทอดยาวหลายพันกิโลเมตร

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top