รูบิโอ เผยสหรัฐฯหวังไทย-กัมพูชากลับสู่ข้อตกลงหยุดยิง ภายในวันที่ 22-23 ธ.ค.นี้

รูบิโอ เผยสหรัฐฯหวังไทย-กัมพูชากลับสู่ข้อตกลงหยุดยิง ภายในวันที่ 22-23 ธ.ค.นี้

วันเสาร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 19.39 น.

20 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายมาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งความคาดหวังต่อการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน ในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม ที่มาเลเซียจะมีส่วนผลักดันให้ทั้งไทยและกัมพูชากลับไปปฎิบัติตามข้อตกลงในแถลงการณ์ร่วมที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามรับรองร่วมกันนำไปสู่การหยุดยิงและสันติภาพในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ

นายมาร์โก รูบิโอ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ถึงเป้าหมายเร่งด่วนจากการที่ทางสหรัฐฯ ร่วมเจรจาผลักดันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  คาดหวังให้ทั้งสองฝ่ายกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาพูดคุยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน กลับไปปฎิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามร่วมกันในแถลงการณ์ร่วม JOINT DECLARATION (JD) เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ที่ประเทศมาเลเซีย


ซึ่งมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐ และ นายอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามร่วมกันในแถลงการณ์ร่วม ที่มีข้อเรียกร้อง 4 ข้อให้ทั้งสองฝ่ายต้องปฎิบัติร่วมกันในเรื่องการถอนอาวุธหนักจากพื้นที่ชายแดน  ร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์-อาชญากรรมออนไลน์ และร่วมกันจัดระเบียบชายแดนในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว

'รูบิโอ' ยังได้กล่าวถึงความกังวลของปธน.ทรัมป์ ต่อสถานการณ์สู้รบครั้งใหม่ในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้เจรจาพูดคุยกับผู้นำของทั้งสองประเทศโดยตรง บอกถึงความห่วงใยอย่างมากของผู้นำสหรัฐต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่

"ความหวังของเราจากวันนี้จนถึงวันจันทร์ หรือวันอังคารหน้า ให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาปฎิบัติตามข้อตกลงที่ได้มีการลงนามร่วมกันไว้" นายมาร์โก รูบิโอ กล่าวในตอนหนึ่งระหว่างการแถลงข่าว พร้อมกล่าวยอมรับถึงข้อตกลงสันติภาพที่มีขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก  

หลังการลงนามในข้อตกลงอาจเกิดปัญหาในการปฎิบัติ ไม่มีการดำเนินการตามข้อตกลงที่มีร่วมกัน การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนำคู่กรณีกลับมาสู่โต๊ะเจรจาเพื่อให้ทำตามข้อตกลงที่ลงนามกันไว้  พร้อมกล่าวถึงการเจรจาที่มาเลเซียในต้นสัปดาห์หน้า จะไม่มีการหารือตกลงในหัวเรื่องใหม่ แต่จะผลักดันให้ทั้งสองฝ้ายกลับไปดำเนินการในเรื่องที่ได้มีการตกลงไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล (Anutin Charnvirakul ) นายกรัฐมนตรีประเทศไทย เป็นฝ่ายขอยกเลิกไม่ปฎิบัติตามข้อตกลงในการแถลงการณ์ร่วม หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาด ที่กัมพูชาวางดักทหารไทยเมื่อวันที่10 พฤศจิกายน บริเวณห้วยตามาเรีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทพระวิหาร หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการดำเนินการถอนอาวุธหนักจากพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงใน แถลงการณ์ร่วม JOINT DECLARATION (JD) ข้อที่หนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน แต่กัมพูชาปฎิเสธไม่เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางไว้ในพื้นที่ชายแดน

นับจากช่วงกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ทหารไทยเสียขาจากกับระเบิด PMN-2 ที่กัมพูชาลอบวางทำร้ายทหารไทยแล้วทั้งหมด 7 นาย  และในวันที่ 7 ธันวาคม ทหารกัมพูชาได้ลอบยิงทำร้ายทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ขณะคุ้มกันการสร้างเส้นทางบริเวณพลาญหินแปดก้อน ทางตะวันตกของภูมะเขือ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตไปสู่การสู้รบกันครั้งล่าสุด

ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวย้ำจุดยืนของรัฐบาล 3 ข้อ ในเรื่องของการหยุดยิง จะต้องเป็นการร้องขอจากฝ่ายกัมพูชาที่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีไทยก่อน  การหยุดยิงที่จะมีขึ้นจะต้องเกิดขึ้นจริงและมีความต่อเนื่อง  และกัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน

(ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ ที่มาเลเซีย 22 ธันวาคมนี้ ผู้สื่อข่าวแนวหน้าออนไลน์ ได้ร่วมเดินทางไปสังเกตการณ์การประชุมกับคณะของ รมว.กต.นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้วที่มีกำหนดการเดินทางไปมาเลเซียในวันพรุ่งนี้ )

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top