“จวบวันทิวาเฉิดฉันตะวันสดใส
ฟ้าดลบันดาลรักให้สมดังดวงใจมุ่งมั่น
เฝ้าวอนพระทรงเสกพรไหว้วอนทุกวัน
โศกทรวงดวงใจอัดอั้นตื้นตันอุรา
จวบวันราตรีเฉิดฉันดวงจันทร์แจ่มฟ้า
พบความรักดั่งใจมั่นเหมือนเดือนตะวันกลางหล้า
สมพรจากฟ้า...พระทรงประทานปวงข้าชีวิตในหล้ายืนยง”
เป็นเนื้อร้องภาษาไทยของเพลง “เทวาพาคู่ฝัน” ซึ่งพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ประพันธ์คำร้องภาษาไทย จากเพลงพระราชนิพนธ์ ในช่วงที่พระบาทสมเด็ตพระเจ้าอยู่หัว ประทับตากอากาศอยู่ที่เมือง Davos และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับอยู่ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นช่วงเวลาที่พะบาทสมเด็ตพระเจ้าอยู่หัว เริ่มสนพระทัยชอบพอกับ หม่อมราชวงศ์ สิริกิติ์ กิติยากร แต่ต้องประทับอยู่ห่างกัน ทรงพระราชนิพรธ์เพลง “Dream of Love Dream of You” สำหรับช่วงเวลาที่รักและคิดถึง จากนั้นอีกไม่นานนัก เทวาพาคู่ฝัน มาสู่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามบทเพลง
19 กรกฎาคม พุทธศักราช 2492 เวลา 10.00 น. สมเด็จพระราชชนนี ได้รับสั่งขอ หม่อมราชวงศ์ สิริกิติ์ กิติยากร ต่อ หม่อมเจ้า นักขัตรมงคล กิติยากร ซึ่งเป็นพระบิดา เป็นช่วงเวลาที่สร้างความโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง สำหรับทุกๆ คนที่คอยลุ้นเรื่องนี้อยู่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสวมพระธำมรงค์เป็นของหมั้น เป็นพระธำมรงค์วงเดียวกับที่ สมเด็จพระราชบิดา กรมหลวงสงขลานครินทร์ ประทานแด่ สมเด็จพระราชชนี เป็นแหวนเพชรน้ำงาม เป็นพิธีหมั้นภายในที่โรงแรมวินเซอร์ เป็นที่ทราบกันในกลุ่มพระญาติ
คืนวันที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2492 เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบ 17 ปี ของ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้มีการประกาศข่าวหมั้นเป็นทางการ ให้คนไทยทั้งในยุโรปและประเทสไทยทราบโดยทั่วกัน ต่างแสดงความยินดีให้กับสตรีไทยที่อ่อนหวาน งามน่ารัก นามว่า “สิริกิติ์” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกำหนดเสด็จนิวัติประเทศไทย โปรดเกล้าฯ ให้พระคู่หมั้นตามเสด็จมาด้วย เพราะจะเสด็จงมางานถวายพระเพลิง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล วันที่ 24 มีนาคม พุทธศักราช 2493 ชาวพระนครเฝ้ารอชมพระบารมี การเสด็จนิวัติพระนครครั้งนี้ แม้จะไม่มีทีวีออกข่าวดังปัจจุบัน แต่รายงานทางสถานีวิทยุและข่าวจากหนังสือพิมพ์ได้รับความสนใจโดยทั่วไป ทั้งสองพระองค์เสด็จนิวัติพระนคร โดยประทับทางเรือรบหลวงแม่กลอง เรือแล่นตัดคลื่นลมเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ถึงท่าราชวรดิฐ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รอรับเสด็จด้วยความยินดี
หลังจากนั้นไม่นาน วิทยุและหนังสือพิมพ์แถลงข่าวพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส 24 เมษายน พุทธศักราช 2493 ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ชาวไทยต่างชื่นชมพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก
ตอนเช้า 9.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบเต็มยศประดับด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทรงสวมสายสะพายจุลจอมเกล้า เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ ห้องรับแขก พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวสาอัยยิกาเจ้า ภายในห้องมีทั้งคณะพระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รอเฝ้าทูลละออกธุลีพระบาท
หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ทรงนำพระธิดา หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ในชุดเจ้าสาวสีงาช้าง ประดับอาภรณ์เครื่องเพชรงามจับตา ทั้งสองพระองค์เข้าเฝ้า สมเด็จพระพันวัสสาฯ เพื่อรับพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ และทรงเจิมในพระราชพิธี
จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นผู้สนองพระบรมราชโองการและเป็นพยาน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ทรงเป็นสักขีพยาน
หลังจากพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ก็มีงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2493 เสด็จกลับไปสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อรักษาพระองค์ และจึงเสด็จนิวัติพระนคร 2 ธันวาคม พุทธศักราช 2494 เป็นการเสด็จนิวัติพระนครเป็นการถาวร
วันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2495 ชาวไทยทั้งประเทศได้รับฟังเพลงพระราชนิพนธ์เป็นพรที่สร้างความสุข ให้คนไทยทุกคนที่ได้ยิน ชั้นต่อมา “พรปีใหม่” เป็นเพลงประจำปีที่ทรงพระราชทานความสุขให้คนไทยอยู่ร่วมกัน สร้างสันติสุข ประโยชน์สุข ที่ทรงพระราชทานเป็นโครงการต่างๆ นานัปการ ดุจสุริยัน – จันทรา ส่องสว่างกลางฟากฟ้า เอื้ออำนวยพัฒนา ให้ประชาราษฎร์อยู่ดีมีสุข ทรงพัฒนาประเทศไทยโดยมิเห็นแก่ประโยชน์ส่วนพระองค์ เอื้ออาทรทวยราษฎร์ ให้รัก สามัคคี
ถวายพระพรทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เดือนเมษายนนั้นเป็นเดือนฉลองปีใหม่ไทยมาแต่โบราณ ทรงพระเกษมสำราญ เป็นมิ่งขวัญชาวไทยตราบนานเท่านาน
ลดา รุธิรกนก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี