พี-พอลลีน เต็ง ล่ำซำ กับน้องโรจน์,แคท-วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ และน้องภัทร,มร. กุสตาโว ฮิลเดนแบรนด์ กก.ผจก.บริษัท ดูเม็กซ์ จำกัด และวิลลี่-เยลหลีและน้องวิน

            เพื่อให้คุณแม่ยุคใหม่สามารถเสริมเกราะให้ลูกแกร่ง สร้างพื้นฐานที่แข็งแรงในอนาคต   ไฮคิว 1 พลัสซูเปอร์โกลด์ ชวนคุณแม่หมวยคู่ พี-พอลลีน เต็ง ล่ำซำ ที่มาพร้อมกับน้องโรจน์ และแคท-วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ และน้องภัทร ร่วมเตรียมวันนี้ของลูกน้อยให้แข็งแรง พร้อมเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับอนาคต ด้วย “ไฮคิว 1 พลัส ซูเปอร์โกลด์ สูตรที่มี        ดีเอชเอ 34 มก. และอินเตอร์เนชั่นนอล พาเท็นเท้ด ซินไบโอติก” ผลิตภัณฑ์นมผงเด็กระดับพรีเมี่ยม ในงาน “Today for Tomorrow” ที่เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในโลก

             รศ. ดร. เพ็ญศรี โควสุวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวช ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า “ภาวะการติดเชื้อในเด็ก สัญญาณภูมิต้านทานถดถอยในเด็กทั่วโลก คือสาเหตุหลักในการขาดความต่อเนื่องของพัฒนาการที่สมวัยการเจ็บป่วยของเด็กเล็กส่วนใหญ่มักมาจากการ “ติดเชื้อ” เพราะเด็กในช่วงอายุ 3 ขวบปีแรก ระบบภูมิต้านทานและพัฒนาการของร่างกายยังไม่แข็งแรงมากพอนั่นเอง การติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็กได้แก่ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อทางผิวหนัง และการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร และในระยะหลังยังพบว่า เด็กเล็กมีการติดเชื้อในส่วนเนื้อเยื่อ เช่น การเป็นโรคมือเท้าและปากเปื่อย และโรคแผลในปากในสัดส่วนที่เพิ่มจำนวนมากและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี”

รศ.ดร. เพ็ญศรี โควสุวรรณ 

                รศ. ดร. เพ็ญศรี กล่าวต่อว่า “เด็กในช่วงอายุ 3 ขวบปีแรก เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของพัฒนาการทางด้านต่างๆของเด็ก โดยเฉพาะระบบภูมิต้านทานและระบบสมอง ซึ่งจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและเป็นสัดส่วนที่สูงในช่วงวัยนี้ คุณแม่สมัยใหม่ส่วนใหญ่จะเน้นส่งเสริมพัฒนาการเรื่องสมองและสติปัญญามาก จนอาจมองข้ามไปว่าพัฒนาการของร่างกายก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หากเด็กเล็กมีการเจ็บป่วย หรือติดเชื้อบ่อยครั้ง ย่อมส่งผลให้การพัฒนาของสมอง ตลอดจนการเรียนรู้ในด้านต่างๆ สะดุดลง

                นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยนิวทริเซีย ภายใต้แนวคิด “โภชนาการที่เหมาะสม คือ พื้นฐานที่สำคัญในการต่อยอดศักยภาพของเด็ก” ระบุว่า เด็กที่ได้ดื่มนมที่มีส่วนผสมของสารอาหารที่สำคัญ 2 ชนิด คือ กอส/แอลซีฟอส ปริมาณ 6 กรัมต่อวัน ร่วมกับดีเอชเอในปริมาณ 100 มก.ต่อวัน หรือประมาณ 3 แก้วต่อวัน จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่ได้ดื่มนมที่มีส่วนผสมดังกล่าว”

                สำหรับ คุณแม่มากความสามารถอย่าง พี-พอลลีน เต็ง ล่ำซำ ที่มาพร้อมกับน้องโรจน์ เล่าว่า “น้องโรจน์เป็นเด็กที่
เลี้ยงไม่ยาก มีพัฒนาการเป็นไปตามเกณฑ์ เริ่มพูดและส่งเสียงเรียก ชอบเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่ตลอดเวลา สามารถชี้ตัวเลขได้ถูกต้องตามที่เราบอกได้ พอน้องโตขึ้นเลยพาออกไปนอกบ้านเพราะคิดว่า ลูกโตพอที่จะออกไปเรียนรู้การเข้าสังคมได้แล้ว  แต่ลูกกลับติดเชื้อทางเดินหายใจต้องนอนโรงพยาบาล 1 สัปดาห์ ทำให้รู้สึกผิดและกังวลมาก แต่จากที่ได้ปรึกษาคุณหมอ ถึงวิธีการดูแลและการเลือกโภชนาการที่เหมาะสมกับลูกในแต่ละช่วงวัย ก็ทำให้เข้าใจวิธีการดูแลเขามากขึ้น โดยเฉพาะนม ซึ่งเป็นสารอาหารที่เด็กทุกช่วงวัยจำเป็นต้องได้รับ ก็เลยเลือกผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กที่มีสารอาหารสำคัญที่ครบถ้วนก่อน
เป็นอันดับแรก รองมาคือรสชาติ เนื่องจากพีเป็นหมอฟัน กลัวว่าลูกจะฟันผุ จึงป้องกันโดยเน้นเลือกนมรสจืดมากกว่า ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ การดูแลให้เขามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบข้างอย่างเป็นเลิศ”

               ด้าน แคท-วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ และน้องภัทร บอกว่า “แคทจะคิดคล้ายๆ กับพอลลีน ไม่ว่าลูกโตขึ้นแล้วอยากทำอะไร แคทจะคอยส่งเสริมและเดินเคียงข้างเขาตลอด ที่สำคัญที่สุดคือการที่ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรง เพราะลูกเป็นภูมิแพ้อากาศและแพ้แป้งสาลี ช่วงที่ให้นมลูกจึงไม่กินอาหารที่ส่วนผสมของแป้งสาลีเพราะลูกอาจแพ้ได้ พอน้องครบขวบแล้ว แคทจึงเลือกผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กที่เน้นสารอาหารสำคัญที่เขาต้องการในแต่ละช่วงอายุเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทั้งทางร่างกายและก็ช่วยพัฒนาสมองของลูก เพราะช่วงอายุของน้องภัทรตอนนี้กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ลูกสนใจพวกดนตรี เวลาฟังแล้วจะเต้นตามไปด้วย”

                เพราะไลฟ์สไตล์ของคุณแม่สมัยใหม่ จะเน้นการส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกมากขึ้น เช่น การเข้าคลาสกิจกรรมต่างๆ
หากพวกเขามีร่างกายที่ไม่แข็งแรง อาจทำให้พัฒนาการไม่ต่อเนื่องสมวัย มามองหาโภชนาการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงยิ่งกว่า
เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นของลูกรักกันนะคะ