สมเด็จพระพุทธชินวงศ์, สมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดี, พระมหาผ่อง สะมะเลิก และ ดร.ทิช เทียน ดำ

สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ จัดงานประชุมเสวนา “โพธิคยา ๙๘๐ พุทธพลิกสุวรรณภูมิ ธรรมวิชัยพลิกปัญหาสู่มรรคา” โดยมี ผู้นำคณะสงฆ์ พระธรรมทูตในดินแดนสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย ประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม คณะกรรมการสาถบัน และพุทธศาสนกิชนเข้าร่วมงาน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์โภคีธารา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา

            ในงานนี้ได้รับเกียรติจาก พระมหาผ่อง สะมะเลิก เจ้าอาวาสวัดองค์ตื้อ ประธานองค์การพุทธศาสนสัมพันธ์ สาธาราณรัฐประชาธิปไทยประชาชนลาว เป็นประธานในพิธีเปิด ด้านผู้นำคณะสงฆ์ที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ ได้แก่ สมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดี (สมเด็จเทพวงศ์) ราชอาณาจักรกัมพูชา, ดร.ทิช เทียน ตำ รองประธานองค์การพุทธศาสนาแห่งประเทศเวียดนาม สำหรับประเทศไทย นำโดย สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะหนใหญ่กลาง  พระธรรมวรนายก ประธานโครงการส่งเสริมพระสงฆ์ไปศึกษาและปฎิบัติธรรมเชิงลึก ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ดร.อภัย จันทนจุลกะ ประธานที่ปรึกษา สถาบันโพธิคยาฯ ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการ สถาบันโพธิคยาฯ ชัช ชลวร ประธานชมรมโพธิคยา ๙๘๐ ณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และ วาสนา เพิ่มลาภ

            ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการ สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ๙๘๐ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัด งานประชุมเสวนา “โพธิคยา ๙๘๐ พุทธพลิกสุวรรณภูมิ ธรรมวิชัยพลิกปัญหาสู่มรรคา” เป็นการจัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 6 ปี การก่อตั้งสถาบัน ที่ได้มีการสนับสนุนส่งพระธรรมทูตในดินแดนสุวรรณภูมิไปศึกษาและปฎิบัติธรรมเชิงลึก ณ แดนพุทธภูมิ อินเดีย-เนปาล เพื่อเป็นส่งเสริมความสามัคคีของคณะสงฆ์ในดินแดนสุวรรณภูมิทั้ง 5 ประเทศ ให้เกิดความร่วมมือในการเผยแผ่และสร้างความเข้มแข็งในพุทธศาสนา โดยการสัมนาจัดขึ้นภายใต้การชูแนวคิดที่ว่าในอนาคตถ้าเราไม่สามารถใช้กระแสธรรมป้องกันการถาโถมของกระแสโลกาภิวัฒน์ได้ จะทำให้ภูมิภาคเราเกิดสังคมที่เรียกกว่ากลียุค สิ่งที่จะช่วยได้คือธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นที่มาของหัวข้อการสัมนา พุทธพลิกสุวรรณภูมิ ธรรมวิชัยพลิกปัญหาสู่มรรคา เป็นการสัมนาที่นำเสนอถึงปัญหาของพุทธศาสนาของแต่ละประเทศ แนวทางแก้ไข ที่จะนำมาซึ่งความเข้มแข็งของพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้

             ซึ่งในงานเสวนา “โพธิคยา ๙๘๐ พุทธพลิกสุวรรณภูมิ ธรรมวิชัยพลิกปัญหาสู่มรรคา” ผู้นำคณะสงฆ์ในดินแดนสุวรรณภูมิได้แสดงสัมโมทนียกถาที่น่าสนใจ เริ่มจาก พระธรรมวรนายก จากประเทศไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหาในยุคโลกาภิวัฒน์ หรือยุคที่ต้องมีปัจจัยที่ห้าที่หก ทางรอดของสังคมนั่นคือ หนึ่ง จะต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้ต้นโพธิ์ หมายถึง พุทธศาสนิกชนต้องอยู่ในร่วมเงาของพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธบิดาได้วางแนวทางไว้ให้แล้ว ซึ่งไม่มีคำสอนของศาสนาใดที่จะสอนได้ละเอียดชนิดที่ว่าแหวกเส้นผมสอนอย่างพระพุทธศาสนา สอง เติบโตไปพร้อมๆ กัน ทั้งกาย ใจ สมอง กาย คือ พัฒนาบ้าน ใจ คือ พัฒนาวัด และ สมอง คือ พัฒนาโรงเรียน ทั้งสามระบบนี้ต้องก้าวไปด้วยกัน จะได้ไปถึงเป้าหมายพร้อมกัน สาม ต้องมีวินัยในตนเอง การทำตามกฎระเบียบที่วางไว้ ผู้ใหญ่ต้องเป็นตัวอย่างให้เด็ก และสุดท้าย ต้องเป็นคนมีจิตสำนึก มีมโนธรรมสำนึก คิดลึก มองไกล  

            ด้าน พระมหาผ่อง สะมะเลิก เป็นผู้นำคณะสงฆ์สูงสุด แห่ง สสป. ลาว กล่าวแนะนำแนวทางรอดของสังคมในโลกโลกาภิวัฒน์ว่า เราล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของพระตถาคต ซึ่งสมเด็จพระสัมมสัมพุทธเจ้าได้ชี้แนวทางไว้แล้ว สำหรับพุทธศาสนิกชนคือการตั้งมั่นอยู่ในศีล 5 หากทำได้ดังนั้นไม่ว่าโลกจะเป็นอย่างไรก็จะอยู่รอด ส่วนพระสงฆ์ก็ต้องตั้งมั่นอยู่ในศีลอันบริสุทธิ ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา ปฎิบัติตนให้เป็นที่เลื่อมใส เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นนี้คือแนวทางที่เราควรนำไปปฎิบัติ

            สมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดี (สมเด็จเทพวงศ์) แห่งกัมพูชา ได้เผยถึงแนวทางความเจริญมั่นคงของพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชา ในขณะที่มีการหลั่งไหลทางวัฒนธรรมตะวันตกอย่างมากตอนนี้ คือ การสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในชาติให้ยึดมั่นในศาสนาและวัฒนธรรมของตนเอง เพราะชาติไม่มีความเข้มแข็งก็ไม่อาจทนต่อกระแสที่เข้ามากระทบ สิ่งที่ดีงามอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติก็จะหมดไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศาสนาของกัมพูชา ก็ได้ทำงานร่วมกันที่จะทำให้ ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของกัมพูชามีความมั่นคงถาวร โดยเฉพาะในด้านพุทธศาสนา ก็ได้รับการสนับสนุนรัฐบาลในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในกัมพูชาให้มีความมั่นคง สร้างวัดเพิ่มขึ้น ส่งเสริมการเรียนพุทธศาสนาให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ของกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันวัด ศาสนาพุทธก็เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนกัมพูชา

            ดร.ทิช เทียน ตำ จากประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ในประเทศเวียดนามก็มีความหลากหลายและให้อิสระในการนับถือศาสนา รัฐบาลหรือผู้ปกครองประเทศก็ให้การสนับสนุนพุทธศาสนาทำให้ศาสนาพุทธยังคงดำรงอยู่ในเวียดนามและมีความเจริญรุ่งเรือง ศาสนาพุทธในเวียดนามก็มีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย ดังนั้นความร่วมมือต่างๆ ด้านการเผยแพร่สร้างความเข้มแข็งให้พุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิจึงเป็นสิ่งที่น่ายินดี

พระธรรมวรนายก และ พระมหาผ่อง สะมะเลิก

ดร.สุภชัย วีระภุชงค์

ชัช ชลวร, อภัย จันทนะจุลกะ และ วาสนา เพิ่มลาภ