ณัฐิยา กุญชร ณ อยุธยา และ น้องไอรา
ผลิตภัณฑ์โฟร์โมสต์ เผยผลวิจัยSEANUTS จัดทำโดย สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ทำการสำรวจภาวะโภชนาการและสุขภาพเด็กไทย ได้ผลสรุปในภาพรวมว่าเด็กไทยกำลังอยู่ในภาวะทุพโภชนาการ คือมีโอกาสที่จะเติบโตไม่สมบูรณ์อาจมีภาวะผอมเกินไป หรือน้ำหนักมากเกินไป การเจริญเติบโตหยุดชะงักเพราะขาดโภชนาการที่ดี ทั้งยังส่งผลต่อการลดทอนการพัฒนาศักยภาพของสมองอีก ที่สำคัญเด็กไทยขาดการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ เพราะเด็กๆ ติดอยู่ในภาวะแน่นิ่ง เนื่องจากพฤติกรรมประจำวันที่มักจะติดอยู่กับจอหลากหลายขนาด
จากผลสำรวจดังกล่าว โฟร์โมสต์ จึงได้จัด แคมเปญ Drink Move Be Strong เพื่อรณรงค์ให้สังคมทุกภาคส่วนหันมาตระหนักถึงการช่วยกันป้องกันแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทย โดยรณรงค์ให้เด็กดื่มนมทุกวันควบคู่ไปกับการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบาสเกตบอล วิธีนี้ช่วยลดภัยคุกคามจากโรคในกลุ่ม NCDs ได้ โดยมีคุณแม่คนดังมาร่วมเผยเคล็ดลับดูแลลูกให้มีสุขภาพแข็งแรงและเติบโตสมวัย
เริ่มจากคุณแม่ ณัฐิยา กุญชร ณ อยุธยา ควงคู่มากับ น้องไอรา ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ เผยว่า เป็นคนเลี้ยงลูกด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ จะดูแลเรื่องโภชนาการให้ครบถ้วนจากอาหาร 5 หมู่และเสริมด้วยการดื่มนมทุกวัน โภชนาการในนมช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและมีสารอาหารอื่นๆ อีกมาก เรื่องออกกำลังกายก็สำคัญ จะสนับสนุนให้ลูกเล่นกีฬาที่
เขาชอบทุกอย่าง จัดเวลาให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสมดุลทั้งการเรียน การเล่นกีฬา และการพักผ่อน
จารุวรรณ วรวรรณ ณ อยุธยา และ น้องภูริวัฒน์
“ปัญหาเรื่องพฤติกรรมแน่นิ่งของเด็ก จริงๆ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะเด็กมักจะเลียนแบบพฤติกรรมติดจอมาจากพ่อ-แม่ ถ้าจะบอกลูกว่าอย่าเล่นจอนะแต่ในมือพ่อแม่ก็มีจออยู่ ก้มหน้าก้มตากับจอทั้งที่พูดอยู่กับลูก อย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ ค่ะ เราเลี่ยงอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้แต่เราจัดระเบียบกับมันได้ อย่างที่บ้านถ้าไม่ชวนกันออกไปเล่นกีฬา ก็จะหากิจกรรมนอกบ้านทำกัน อย่างเล่นกีฬาสำหรับพ่อ-แม่ที่ลูกอยู่ในวัยเจริญเติบโต แนะนำให้เล่นกีฬาที่ต้องวิ่งและกระโดดให้มากๆ เพราะกระดูกจะรับการกระแทกจากการวิ่ง การกระโดด จะสร้างความแข็งแรงให้ตัวเองและมีการยืดตัว กีฬาบาสเกตบอลนี่เหมาะสมที่สุดเลย มีทั้งการวิ่งและกระโดด ที่บ้านก็ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬาค่ะ เขาชอบอะไรก็ให้เล่นอย่างนั้นคิดว่านี่เป็นวิธีช่วยให้ลูกไม่ให้ตกอยู่ในภาวะแน่นิ่ง ซึ่งพ่อแม่ต้องเป็นคนลงมือค่ะ ชวนกันไปออกกำลังกาย ชวนไปทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกัน แล้วจัดสรรเวลาการใช้อุปกรณ์ gadget อย่างเหมาะสมและมีวินัย”
ด้านคุณแม่คนดังอีกคน จารุวรรณวรวรรณ ณ อยุธยา มาพร้อมกับน้องภูริวัฒน์ หนุ่มน้อยผู้มีใจรักลูกบอลกลมๆ บอกว่า ครอบครัวตนเองใช้กีฬามาเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างการเติบโตแข็งแรงให้ลูก ทำให้คุณแม่ไม่ห่วงว่าลูกจะติดกับภาวะแน่นิ่ง
“เด็กๆ ต้องเคลื่อนไหว ธรรมชาติของเขาเป็นแบบนั้น พ่อ-แม่ต้องส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลูก ช่วงวัยนี้กำลังเติบโต การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ร่างกายเติบโตแข็งแรง ที่บ้านทุกคนไม่กลัวแดดค่ะ ถ้าลูกเป็นเด็กกินเก่งพ่อ-แม่ต้องสร้างนิสัยการเล่นกีฬาให้เขา เพราะเด็กๆ กินมากแค่ไหน ถ้าออกกำลังกายไม่มีทางอ้วนแน่นอน เรื่องดื่มนมก็สำคัญ น้องภูริวัฒน์ชอบดื่มนมมาตั้งแต่เล็ก ต้องดื่มทุกวันและเล่นกีฬาด้วย เติบโตแข็งแรงแน่นอนค่ะ ส่วนภาวะแน่นิ่งของเด็ก เป็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงมากในยุคนี้ สำหรับครอบครัวเราไม่ห่วงเรื่องนี้กันเพราะเราสร้างวินัยให้ลูก พ่อ-แม่ก็ต้องสร้างพฤติกรรมใหม่ให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่างด้วย ครอบครัวเราถ้าเป็นเวลาเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย ใครจะติดต่ออะไรมาก็รอก่อน ขอออกกำลังกายกับลูกก่อนค่ะ”
ทั้งนี้ ภาวะแน่นิ่งของเด็ก ซึ่งเกิดจากการที่คุณพ่อ-คุณแม่ยุคใหม่ ที่ปล่อยให้ลูกอยู่สมาร์ทโฟน แท็บเลต มากเกินพอดี โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อยู่ในวัย 6-12 ปีส่งผลทำให้กล้ามเนื้อที่ควรเจริญเติบโตกลับไม่สามารถพัฒนาได้เต็มที่ เพราะร่างกายเคลื่อนไหวน้อย อีกทั้ง ภาวะแน่นิ่งยังก่อให้เกิดพฤติกรรมการกินที่ผิดสุขลักษณะอีกด้วย เพราะระหว่างตามองจอ มือก็คว้าทั้งขนมหวาน น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบใส่ปาก กลายเป็นอาหารมื้อใหญ่ก่อนมื้ออาหารหลัก ทำให้เด็กได้รับสารอาหารส่วนเกินประเภทหวาน มันเค็ม มากเกินไป คุณพ่อคุณแม่จึงควรตระหนักถึงความสำคัญในการจัดสรรเวลาสำหรับกิจกรรมที่มีประโยชน์ของลูกๆ ไม่ว่าจะจัดหาอาหารที่มีคุณค่าครบโภชนาการ และส่งเสริมให้ลูกได้เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายทุกวัน เพื่อการเจริญเติบโตสมวัยและมีสุขภาพแข็งแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี