ปรางค์ประธานปราสาทเมืองสิงห์
ในจารึกของขอมได้ระบุชื่อ ศรีชัยสิงห์บุรี ไว้ ซึ่งไม่สามารถรู้ว่าอยู่ที่ใด แต่เมื่อมีการพบโบราณสถานบนฝั่งแม่น้ำแควน้อย จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ด้วยเป็นปราสาทขอมหนึ่งเดียวที่ตั้งขึ้นในภาคตะวันตกที่เข้าใจว่าคือ ปราสาทขอมที่พบใหม่แห่งนี้คือ ศรีชัยสิงห์บุรีที่เรารู้จักกันในนามปราสาทเมืองสิงห์ อาทิตย์นี้ ได้เดินตามรอย หาภูมิสถานของ ศรีชัยสิงห์บุรี ไปที่ตำบลไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี กับ นายเอนก สีหมาตย์ อธิบดีกรมศิลปากรและคณะ ที่มีโครงการทดลองปลูกป่ารักเพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย อันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในโครงการศึกษายางรักเพื่อการอนุรักษ์ไว้ในแผ่นดิน ซึ่งได้ทดลองปลูกขึ้นเป็นแห่งแรกใน๕แห่ง
ปรางค์ประธานของเมืองศรีชัยสิงหบุรี
ปราสาทเมืองสิงห์แห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือในตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ที่ล้อมรอบด้วยทิวเขาเป็นแนวยาว ลักษณะเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า คือแม่น้ำแควน้อยไหลผ่านด้านทิศใต้ ทำให้พื้นที่ด้านนี้ขยายออกไปตามแนวแม่น้ำ สำหรับด้านทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศเหนือ แนวกำแพงต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม รอบนอกกำแพงจะเป็นคูคันดินล้อมรอบอยู่ โดยเฉพาะด้านตะวันตกปรากฏซากคันดินอยู่ถึง๗ ชั้น กำแพงและประตู คูคันดินนี้จะล้อมรอบกลุ่มโบราณสถานสำคัญ ซึ่งประกอบด้วยโบราณสถานหมายเลข๑-๔ ส่วนกว้างของเมืองนั้นยาวประมาณ ๘๕๐ เมตร มีประตูเข้าออก ๔ ด้าน กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลงสูงประมาณ ๗ เมตร มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ภายในเมืองมีสระน้ำ ๖ สระ และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
นางปรัชญาปารมิตา
ปราสาทเมืองสิงห์แห่งนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา นิกายมหายาน จากการขุดตกแต่งของกรมศิลปากรที่ดำเนินการค่อยทำค่อยไปมาตั้งแต่ พ.ศ๒๔๗๘นั้นทำให้พบว่าเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรม คล้ายคลึงกับปราสาทในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่๗ (พ.ศ.๑๗๒๐-๑๗๘๐) กษัตริย์ผู้เป็นนักสร้างปราสาทแห่งขอม จึงได้เริ่มบุกเบิกกันกันอย่างจริงจังเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๗ จนสามารถจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐ ปราสาทเมืองสิงห์นี้ได้พบศิลปกรรมที่สำคัญยิ่ง คือ พระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และ นางปรัชญาปารมิแล้ว ยังพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในกัมพูชา ปัจจุบันพระรูปโพธิสัตว์นี้กรม ศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
ศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ซึ่งจารึกโดย พระวีรกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่๗ ได้ข้อความสรรเสริญความกล้าหาญและการบุญกุศลของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ และมีตอนหนึ่งกล่าวถึงชื่อเมืองต่างๆ ๒๓ แห่ง ว่าเป็นที่ประดิษฐานพระชัยพุทธมหานาถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเมืองสิงห์และบริเวณใกล้เคียงโดยเฉพาะได้ระบุชื่อเมือง ๖ เมือง ได้แก่ ลโวทยะปุระ สุวรรณปุระ ศัมพูกปัฏฏนะ ศรีราชบุรี ศรีชัยสิงหบุรี และชัยวัชรบุรี ซึ่งเป็นเมืองอยู่ในภาคกลางไทย กล่าวคือ เมืองลโวทยปุระคือเมืองละโว้หรือลพบุรี สุวรรณปุระคือเมืองสุพรรณบุรี ชัยราชบุรีคือเมืองราชบุรี ชัยวัชรบุรีคือเมืองเพชรบุรี และเมืองศรีชัยสิงหบุรีก็คือเมืองสิงห์ที่ตั้งปราสาทเมืองสิงห์ในจังหวัดกาญจนบุรีแห่งนี้
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
รูปแบบปราสาทขอมที่พบในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานั้นแม้จะตรงข้ามกับบรรดาปราสาทที่พบตามเส้นทางคมนาคมจากละโว้ไปยังเพชรบุรีและปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งแต่ละแห่งนั้นรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แม้จะมีความคล้ายคลึงในรูปเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรและนางปรัชญาปารมิตา ก็ชี้ให้เห็นว่าน่าจะแพร่หลายมาจากเมืองละโว้ และพระโพธิสัตว์บางองค์นั้นก็น่าจะนำมาจากเมืองพระนคร ที่ทำให้ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์ทั้งสังคมและวัฒนธรรมระหว่างละโว้กับเมืองพระนครในกัมพูชาได้เลย ในสมัยรัชกาลที่๑นั้นเมืองสิงห์ได้มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่าน ต่อมาสมัยรัชกาลที่ ๔ โปรดให้เจ้าเมืองสิงห์เป็น พระสมิงสิงห์บุรินทร์ จนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาลเมืองสิงห์จึงถูบยุบให้เหลือเป็นเพียงตำบลหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีเท่านั้น ปราสาทเมืองสิงห์เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งแรกของไทยทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๓เมษายน พ.ศ.๒๕๓๐ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธี ปัจจุบันปราสาทเมืองสิงห์ได้รับการพัฒนาและขุดค้นบูรณะตกแต่งให้มีความสง่างามสมกับเคยเป็นเมืองสำคัญในอดีตมาก่อน
ปรางค์ประธานเมืองศรีชัยสิงหบุรี
ปรางค์ประธานเมืองสิงห์
แม่นํ้าน้อยหน้าเมืองสิงห์
กำแพงเมืองสิงห์
ชุดตรวจแนวกำแพง 7 ชั้น
อธิบดีกรมศิลปากรและคณะหน้าประตูเมืองสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี