วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
'มะระขี้นก'หวานเป็นลม ขมเป็นยา

'มะระขี้นก'หวานเป็นลม ขมเป็นยา

วันพุธ ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557, 13.29 น.
Tag :
  •  

มะระขี้นกเป็นผักพื้นบ้านที่มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มะระขี้นกมีรสขมมากกว่ามะระจีน สรรพคุณเป็นยาลดไข้ บำรุงธาตุ เป็นยาฝาดสมาน แก้ริดสีดวงทวาร แก้บาดแผลอักเสบ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยระบาย แก้อาการหืดหอบ บำรุงร่างกาย ขับพยาธิ แก้ตับและม้ามอักเสบ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์


ลำต้นเป็นเถาเลื้อยมีสีเขียวขนาดเล็กมี 5 เหลี่ยม มีขนอยู่ทั่วไป มีมือเกาะซึ่งเปลี่ยนมาจากใบเจริญออกมาจากส่วนของข้อ ใช้สำหรับยึดจับ

ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน ก้านใบยาว ขอบใบเว้าหยักลึกเข้าไปในตัวใบ 5-7  หยัก ปลายใบแหลม ใบกว้าง 4.5-11.5 เซนติเมตร ยาว 3.5-10 เซนติเมตร เส้นใบแยกออกจากจุดเดียวกันแล้วแตกเป็นร่างแห มีขนอ่อนนุ่มปกคลุมเล็กน้อย เมื่อแก่จัดจะมีสีเขียวเข้ม

ดอกเป็นดอกเดี่ยวแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน เจริญมาจากข้อ เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5-3.5 เซนติเมตร มีกลีบนอก 5กลีบ สีเขียวปนเหลือง กลีบในมี 5 กลีบ สีเหลืองสด ดอกตัวผู้เจริญออกมาก่อนดอกตัวเมีย เกสรตัวผู้มี 3 อัน แต่ละอันมีก้านชูเกสรตัวผู้ 3 อัน และมีอับเรณู 3 อัน ดอกตัวเมียมีรังไข่แบบหลบใน (inferior ovary) มีรังไข่ 1 อัน stigma 3 คู่ ก้านชูเกสรตัวเมีย 3 อัน

ผลรูปร่างคล้ายกระสวยสั้นๆ ผิวเปลือกขรุขระและมีปุ่มยื่นออกมา ผลยาว 5-7 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางผล 2-4 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีเหลืองอมแดง ปลายผลจะแตกเป็น 3 แฉก

เมล็ดมีรูปร่างกลม รี แบน ปลายแหลมสีฟางข้าว เมื่อแก่เต็มที่มีเมือกสีแดงสดห่อหุ้มเมล็ดอยู่ เนื่องจากพืชชนิดนี้เป็นผักพื้นบ้านธรรมชาติที่ขึ้นได้ทั่วๆ ไป นกจึงชอบมาจิกกินทั้งผลและเมล็ด จากนั้นก็ถ่ายเมล็ดไว้ตามที่ต่างๆ ถ้าเมล็ดได้ดินดีมีน้ำพอเหมาะก็จะงอก ผลิใบทอดลำต้นเลื้อยไปเกาะตามที่ๆ มันเกาะได้ เช่น ต้นไม้ใหญ่ แนวรั้วบ้าน เหตุนี้เองมะระลูกเล็กลูกนี้จึงถูกเรียกว่า "มะระขี้นก"

ขมเป็นอาหาร

มะระขี้นกมีรสขมมากกว่ามะระจีน จึงนิยมกินในหมู่ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ผลอ่อนนำไปต้มหรือเผากินได้ทั้งลูก ผลแก่ต้องนำมาผ่ากลาง คว้านเมล็ดออกเสียก่อน 

การลดความขมของมะระขี้นกนั้นทำได้โดยต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่เกลือสักหยิบมือ ลวกมะระในน้ำเดือดสักครู่ มะระจะยังคงมีผลสีเขียวสด หรือจะต้มกินกับน้ำพริกก็ได้ บางครั้งราดด้วยกะทิสดเพื่อเพิ่มรสชาติ

การปรุงแกงจืดมะระขี้นกยัดไส้หมูสับ ต้องต้มนานหน่อยให้ความขมจางลง หรือปรุงอาหารเผ็ด เช่น พะแนงมะระขี้นกยัดไส้ หรือเป็นแกงเผ็ดก็ได้ ถ้าจะนำไปปรุงอาหารผัด เช่น ผัดกับไข่ ให้ต้มน้ำแล้วเททิ้งหนึ่งครั้ง หรือคั้นกับน้ำเกลือแล้วล้างออกเพื่อลดความขมก็ได้ อีกทั้งสมัยโบราณมีการนำมะระขี้นกมาปรุงเป็นกับข้าวต้มเค็มกินด้วย

นอกจากใช้ผลเป็นอาหารแล้ว ใบของมะระขี้นกก็นำมาทำอาหารได้ แต่ไม่นิยมกินสดเพราะมีรสขม ยอดมะระลวกเป็นผักจิ้มกินกับน้ำพริก หรือกับปลาป่นของชาวอีสาน ยิ่งเด็ดยิ่งแตกยอดเพิ่มอีก ทางภาคเหนือนิยมนำยอดมะระสดมากินกับลาบ หรือนำไปทำแกงคั่ว แกงเลียง และแกงป่า ได้รสน้ำแกงที่ขมเฉพาะตัว

ทางอีสานนิยมนำใบมะระขี้นกใส่ลงไปในแกงเห็ดแบบพื้นบ้านจะทำให้แกงมีรสขมนิดๆ กลมกล่อมมาก บ้างนิยมนำใบมะระมาต้มหรือลวกจิ้มน้ำพริก

ขมเป็นยา : มะระขี้นกในภูมิปัญญาไทยและชนชาติอื่น

น้ำต้มรากมะระขี้นกใช้ดื่มเป็นยาลดไข้ บำรุงธาตุ เป็นยาฝาดสมาน แก้ริดสีดวงทวาร แก้บาดแผลอักเสบ

ใบช่วยเจริญอาหาร ช่วยระบาย

น้ำคั้นใบดื่มเป็นยาทำให้อาเจียน บรรเทาอาการท่อน้ำดีอักเสบ

ดอกชงกินกับน้ำแก้อาการหืดหอบ

ผลกินเป็นยาขม ช่วยเจริญอาหาร บำรุงร่างกาย ขับพยาธิ แก้ตับและม้ามอักเสบ หรือจะคั้นน้ำมะระดื่มสัปดาห์ละไม่เกิน 1 แก้ว เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นยาระบาย

ส่วนเมล็ดใช้เป็นยาขับพยาธิตัวกลม

มะระมีฤทธิ์เย็น จึงมีคำแนะนำว่าไม่ควรกินติดกันเกินไป เว้นระยะกินอาหารผักอย่างอื่นบ้างให้ร่างกายเกิดสมดุล แล้วจึงกลับมากินมะระได้อีก

ชาวโอกินาวาในประเทศญี่ปุ่นกินมะระขี้นกมาก เชื่อกันว่ามะระขี้นกมีส่วนช่วยให้ชาวโอกินาวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าชาวญี่ปุ่นทั่วไป

แพทย์พื้นบ้านในทวีปเอเชียใช้มะระในตำรับยารักษาโรคมานาน ชาวเอเชีย ปานามา และโคลัมเบียใช้ชาใบมะระป้องกันและรักษาโรคมาลาเรีย ฤทธิ์ดังกล่าวได้มีการตรวจสอบแล้วในห้องปฏิบัติการ

มะระมีความขมจึงมีฤทธิ์กระตุ้นการย่อยอาหาร ช่วยบุคคลที่ระบบย่อยอาหารไม่ค่อยทำงาน อาหารไม่ย่อย หรือท้องผูก แต่ก็อาจก่อให้เกิดอาการกรดไหลย้อนหรือแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย

น้ำมันจากมะระขี้นกมีกรดเอลีโอสเตียริก การศึกษาพบว่ากรดดังกล่าวมีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ มีนัยยับยั้งการขยายขนาดของก้อนมะเร็งที่จำเป็นต้องมีหลอดเลือดไปหล่อเลี้ยง

 

ผลจากห้องปฏิบัติการพบว่าโปรตีนและไกลโคโปรตีนเล็กทินจากมะระขี้นกมีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง แต่สารเหล่านี้ดูดซึมผ่านระบบทางเดินอาหารได้น้อยมาก การกินเป็นอาหารจึงไม่สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสในผู้ป่วยได้ คาดว่าได้ประโยชน์ในการสร้างภูมิคุ้มกันมากกว่า โดยทั่วไปมักใช้ผลอ่อนคั้นน้ำดื่มหรือตากแห้งบดเป็นผงใส่แคปซูลกิน การใช้น้ำคั้นจากผลดื่มได้ผลดีพอสมควร แต่การสวนทวารด้วยน้ำคั้นมะระจะได้ผลดีกว่าการดื่ม เพราะสารสำคัญ MAB-30 เป็นสารโปรตีนที่จะถูกทำลายโดยกรดและน้ำย่อยอาหารในกระเพาะอาหารได้ โปรตีนดังกล่าวมีหลักฐานอ้างอิงว่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็ง

ชาวปานามาใช้ชาชงใบมะระกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชาวไทยใช้เนื้อมะระขี้นกลดน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเบาหวาน โดยหั่นเนื้อมะระตากแห้งชงน้ำดื่ม ถ้าต้องการกลบรสขมให้เติมใบชาลงไปด้วยขณะที่ชง ดื่มต่างน้ำชา

เนื่องจากซีกโลกตะวันตกจัดมะระขี้นกเป็นมะระจีนพันธุ์หนึ่ง ฤทธิ์ของมะระขี้นกถูกรวบรวมไว้ในฤทธิ์ของมะระแต่ไม่สามารถแยกออกมาได้ บทความนี้จึงไม่สามารถอ้างอิงบทความทางการแพทย์จากแหล่งตะวันตกได้

การใช้มะระขี้นกเพื่อลดน้ำตาลในกระแสเลือด

การรักษาเบาหวานด้วยแพทย์แผนปัจจุบันนั้นสำหรับเบาหวานชนิดที่1 จะใช้การฉีดอินซูลิน ส่วนเบาหวานชนิดที่2 จะให้ผู้ป่วยรับประทานยาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ายาส่วนใหญ่จะถูกขับทิ้งที่ตับและไต ดังนั้นการรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานานเท่ากับเป็นการสร้างภาระให้กับอวัยวะทั้งสองเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นด้วย จากที่เคยกินยาลดน้ำตาลวันละ 1 เม็ด ก็เพิ่มจำนวนเป็น 2 เม็ด

สำหรับวิธีธรรมชาติบำบัดแล้ว พืชชนิดหนึ่งซึ่งมีการใช้มานานในทางอายุรเวชของประเทศแถบอินเดียคือ มะระขี้นก (มะระขนาดเล็กสีเขียวเข้ม มีผิวขรุขระ มีรสขม) ซึ่งคนไทยเราก็รู้จักกันดีเพราะเป็นอาหารอย่างหนึ่งที่นิยมใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก และพืชชนิดนี้สามารถใช้ลดน้ำตาลในกระแสเลือดได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของใบ ผล หรือเมล็ด

มะระขี้นก สามารถใช้ลดน้ำตาล ในกระแสเลือดได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก มะระขี้นกจะกระตุ้นการเปลี่ยน กลูโคสในกระแสเลือด ให้เป็นไกลโคเจนที่ตับ และยังกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน จากเบตาเซลล์ของตับอ่อน อีกทั้งยังกระตุ้น การสร้างเบตาเซลล์อีกด้วย ซึ่งการใช้มะระขี้นกก็สามารถใช้ได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการคั้นน้ำ รับประทานสด หรือการดื่มในรูปของชามะระขี้นก แต่จากงานวิจัยของB.A. Leatherdale ของ มหาวิทยาลัยแอสตัน พบว่าการคั้นน้ำเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด ส่วนวิธีที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดคือการกินมะระขี้นกที่นำไปแตกแห้ง

นอกจากนี้ยังพบว่าในเมล็ดของมะระขี้นกมีสารชนิดหนึ่งซึ่งมีโมเลกุลคล้ายอินซูลิน และสารชนิดนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างกรดไขมันในร่าง กาย ตลอดจนออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องการสลายไขมันอีกด้วย

การใช้มะระขี้นกเพื่อลดน้ำตาลในกระแสเลือดนั้นสามารถใช้ได้ผลดีกับผู้ป่วยเบาหวานทั้ง 2 ชนิด แต่ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้พวกแตงเมลอน แคนตาลูป สำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือผู้ป่วยโรคตับแล้วการใช้มะระขี้นกจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์
มะระขี้นกสามารถออกฤทธิ์ในการลดน้ำตาลได้ภายใน 30-60 นาทีหลังกิน(ซึ่งใกล้เคียงกับการออกฤทธิ์ของZinc crystalline insulin) และจะออกฤทธิ์สูงสุดหลังจากกินไปแล้ว4-12 ชั่วโมง (ฮอร์โมนอินซูลินออกฤทธิ์สูงสุดภายใน 2-3ชั่วโมง) นอกจากมะระขี้นกแล้วยังมีสมุนไพรชนิดอื่นที่สามารถลดน้ำตาลในกระแสเลือดได้ อาทิเช่น อบเชย ว่านหางจระเข้ แต่มะระขี้นกจะออกฤทธิ์ในการลดน้ำตาลได้เร็วกว่าและนานกว่า

นอกจากนี้มะระขี้นกยังช่วยป้องการตีบและหนาตัวของผนังหลอดเลือดแดง ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไลด์ในตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มะระขี้นกสามารถแก้ไขภาวะคลอเลสเตอรอล ฟอสโฟไลปิดและไตรกลีเซอไรด์ที่เพิ่มสูงขึ้นอันเป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานยาลดน้ำตาลติดต่อกันเป็นระยะเวลานานให้เข้าสู่ระดับปกติได้ เมื่อรับประทานมะระขี้นกติดต่อกัน 10 สัปดาห์)

พบว่าการดื่มน้ำคั้นมะระขี้นก (ใช้มะระขี้นก 1-2 ผลคั้นร่วมกับผักผลไม้ชนิดอื่น เพื่อลดความขม แต่ทั้งควรเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลไม่มากนัก เช่น แอปเปิ้ลเขียวจะดีกว่าแอปเปิ้ลแดง วันละ 1 แก้วในตอนเช้าก่อนรับประทานอาหาร และถ้าเป็นไปได้อีก 1 แก้วในช่วงเย็น) ร่วมกับการดื่มชามะระขี้นกหลังมื้ออาหารทุกมื้อ (หรืออาจใช้เป็นน้ำต้มใบชะพลูแทนชามะระขี้นก) สามารถลดระดับน้ำตาลได้ดี แต่ทั้งนี้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารร่วมด้วย

หมายเหตุ มะระขี้นกจะกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ดังนั้นการใช้มะระขี้นกอาจทำให้ถ่ายท้องได้ ซึ่งถ้ามีอาการถ่ายท้องมากเกินไป ให้ปรับลดปริมาณของมะระขี้นกที่ใช้ให้น้อยลงได้

ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแป้งขัดสี น้ำตาล แต่ควรรับประทานข้าวกล้อง หรืออาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีกากปริมาณมากเนื่องจากจะใช้เวลาในการย่อยนานกว่าแป้งที่ผ่านการขัดสี ทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดค่อยๆเพิ่มอย่างช้าๆ สำหรับอาหารประเภทโปรตีนนั้นควรลดปริมาณโปรตีนที่มาจากสัตว์ แต่ควรรับประทานโปรตีนที่มาจากพืช เช่น ถั่ว เต้าหู้ เนื่องจากในถั่วนั้นมีสารเลซิตินและโคลีนปริมาณมากซึ่งช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับเส้นประสาทอันเนื่องจากเบาหวานได้ สำหรับผลไม้แล้วควรเป็นผลไม้ที่ไม่หวานนัก และควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานมากตลอดจนผลไม้แห้ง และอาหารส่วนใหญ่กว่า 75%ของอาหารในแต่ละมื้อ ควรจะเป็นอาหารที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก ทั้งนี้ปริมาณอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อไม่ควรมากนัก แต่สามารถรับประทานได้บ่อยขึ้นถึงวันละ 6 มื้อ

นอกจากอาหารที่ดีแล้ว การออกกำลังกายก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง ผู้ป่วยเบาหวานควรออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที เช่น การเดินเร็วซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างปลอดภัย สุดท้ายภาวะจิตใจที่ดีและการพักผ่อนที่เพียงพอนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : หมอชาวบ้าน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คณะศิลปศาสตร์ มธ. จัดเสวนา ‘Miss World: History and Legacy of the Blue Crown’ ร่วมยินดี ‘โอปอล’ คว้ามงกุฎ Miss World คณะศิลปศาสตร์ มธ. จัดเสวนา ‘Miss World: History and Legacy of the Blue Crown’ ร่วมยินดี ‘โอปอล’ คว้ามงกุฎ Miss World
  • ‘หยั่งรากลึกในไทย’ ส.ค้าวิสาหกิจจีน-ไทย เผยรายงานวิสาหกิจจีนสร้างคุณประโยชน์เพื่อไทย ‘หยั่งรากลึกในไทย’ ส.ค้าวิสาหกิจจีน-ไทย เผยรายงานวิสาหกิจจีนสร้างคุณประโยชน์เพื่อไทย
  • ยิปซีพยากรณ์\'ดวงรายวัน\'ประจำวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2568 ยิปซีพยากรณ์'ดวงรายวัน'ประจำวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2568
  • สสว. เตรียมจัดงาน ‘SME SHOW ของ: ตลาดนัดคนตัวเล็ก’ รวมพลัง Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สสว. เตรียมจัดงาน ‘SME SHOW ของ: ตลาดนัดคนตัวเล็ก’ รวมพลัง Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
  • ‘มหกรรมสืบสานภูมิปัญญา ผ้าพื้นถิ่น อัตศิลป์ตรัง’ ยกระดับ Soft Power สู่เวทีสร้างสรรค์ระดับประเทศ ‘มหกรรมสืบสานภูมิปัญญา ผ้าพื้นถิ่น อัตศิลป์ตรัง’ ยกระดับ Soft Power สู่เวทีสร้างสรรค์ระดับประเทศ
  • อธิบดีกรมการข้าว นำองค์กรชาวนาฯ รับรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ อธิบดีกรมการข้าว นำองค์กรชาวนาฯ รับรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ
  •  

Breaking News

‘กองทัพภาคที่ 2’แจ้งปชช.ให้กำลังใจทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาได้ 5 จุด

‘ธนกร’ฝาก‘ดีอี-ตำรวจไซเบอร์’สกัดข่าวเท็จปมร้อนการเมือง-ชายแดน

แจง 4 ข้อเหตุ‘เปิด-ปิดด่าน’ พบ‘กัมพูชา’เพิ่มกำลัง-สร้างที่มั่น เสี่ยงเหตุไม่พึงประสงค์

‘เขมร’เล่นเล่ห์! ร่นเวลา‘เปิดด่าน’ ตีโต้มาตรการฝ่ายไทย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved