รือแกรนด์ เพิร์ล (Grand Pearl) เป็นเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยาสุดหรูที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ ภายใต้การบริหารงานของ “เจ้าพ่อแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา” พิชิต กุลเกียรติเดช ประธาน บริษัท แกรนด์ เพิร์ลจำกัด และวันนี้เขากำลังจะเปิดตัวเรือสำราญสุดหรูลำใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมภายใต้ชื่อ วันเดอร์ฟูล เพิร์ล ที่ออกแบบสร้างสรรค์จากความฝันของตัวเขาเอง มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท แต่กว่าจะมาเป็นผู้ให้บริการเรือสำราญระดับ “แนวหน้า” ดังเช่นวันนี้ เขาคืออดีตเด็กหนุ่มที่ใครๆ ก็ตราหน้าว่า “ไม่มีวันจะทำอะไรสำเร็จ”

“ตอนอายุ 19 ปี ผมถูกส่งไปเรียนที่ไต้หวัน กำลังเรียนปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมสิ่งทอ เพราะพี่ชายเขาเปิดโรงงานทอผ้า ก็ตั้งใจว่าจะกลับมาช่วยเขา แต่มันก็มีอุบัติเหตุชีวิต ทำให้ผมไม่สามารถเรียนจนจบ ต้องเดินทางกลับเมืองไทย สิ่งที่กลับมาเจอไม่ใช่กำลังใจจากคนในครอบครัว มันมีแต่คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ผมก็เสียใจนะคิดโทษตัวเองเหมือนกันว่าทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่เคยได้ดั่งใจพ่อ-แม่พี่น้อง ทำอะไรก็ผิดอยู่เสมอ พอกลับมาก็มาช่วยงานโรงงานทอผ้าของพี่ชาย ทำงานทุกอย่างแบบว่าไม่มีปากไม่มีเสียง และไม่ได้รับเงินเดือน แต่ก็ยังไม่เคยได้รับคำชื่นชมจากครอบครัว ทำมาได้ 3 ปี ก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกับพี่ชายที่เป็นเจ้าของโรงงาน ผมทนไม่ไหว ในที่สุดก็แตกหักกัน”

หนุ่มน้อยในวัย 21 ปี ตัดสินใจออกหางานทำ ณ เวลานั้น เขามองเห็นลู่ทางว่า “มัคคุเทศก์” หรือ “ไกด์” เป็นอาชีพที่พอจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองได้ แต่มรสุมทะเลชีวิตก็ซัดเข้ามาอีกครั้ง งานที่หวังก็ยังไม่ได้แล้วยังต้องสูญเสีย “ความรัก” เพียงเหตุผลที่เขาทำตัวเหมือนคนอ่อนแอ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แล้วจะเป็นผู้นำดูแลชีวิตใครได้ จากเหตุการณ์วันนั้นกินเวลาเกือบปีที่ พิชิต ยอมรับว่าทำตัวเหมือนประชดชีวิต แต่เวลาที่ผ่านจึงทำให้เขาได้คิดได้เห็นความจริงว่า การจมอยู่กับอดีต และยังปักใจเชื่ออย่างที่ใครๆ ตราหน้าดูถูก ก็ไม่มีผลดีอะไรกับชีวิต เมื่อเรียก “สติ” ตัวเองกลับมาได้ดังนั้น จึงทำให้ พิชิต กลับมาควบคุมเรือชีวิตของตนเองด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม

ในที่สุด พิชิต ก็ได้เป็นมัคคุเทศก์ สมใจ โดยสมัครใจทำงานแบบไม่ได้รับเงินเดือน แต่เขามีรายได้จากค่าน้ำร้อนน้ำชาจากร้านค้าที่พาทัวร์ไปลง เขาเก็บหอมรอมริบ จนเห็นช่องทางธุรกิจขายของที่ระลึกให้ลูกทัวร์บนรถ เขาลงทุนด้วยเงิน 15,000 บาท ปรากฏว่าธุรกิจนี้ไปได้ดี จึงเลิกอาชีพไกด์มาขายของที่ระลึกอย่างเดียว โดยตกลงแบ่งเปอร์เซ็นต์กับไกด์ และบริษัททัวร์ เพื่อให้เขาเป็นเจ้าเดียวที่จะสามารถขึ้นไปขายของบนรถได้ ทำได้ประมาณ 4 ปี มีเงินเป็นกอบเป็นกำ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างว่าทำธุรกิจอะไรก็ตาม เมื่อมันทำรายได้ดีๆ มันก็มีคนตาม และมันเป็นสิ่งที่เขาเองรู้สึกว่ายังไม่ใช่ธุรกิจที่จะยึดได้ตลอดไป จึงตัดสินใจเลิกทำ และถือโอกาสพักผ่อนไปในตัว แต่ก็ยังรู้สึกลึกๆ ในใจเสมอว่า มีบางอย่างรอคอยเขาอยู่ จนกระทั่งไปเจอเรือลำหนึ่งจอดนิ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มันเหมือนมีแรงดลใจ และรู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรต่อไป เขาจึงทำทุกวิถีทางที่จะเป็นเจ้าของมัน ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าทำให้เขาเกือบจะถึงขั้นหมดตัวอีกครั้ง

“ผมโดนโกงตั้งแต่เจ้าของเรือคนแรก อู่ซ่อมเรือช่างซ่อมเรือ แต่มันคงเป็นทางชีวิตของผม ผมยอมทุ่มทุกอย่างที่จะทำให้เรือลำนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งใช้เวลาหลายปีในการปรับปรุงซ่อมแซม ตกแต่งให้มันกลายเป็นเรือสำราญ ทรัพย์สินเงินทองที่มีแทบไม่เหลือโชคยังดีที่ผมมีผู้ใหญ่เอ็นดูได้เงินกู้จากธนาคารมาก้อนหนึ่ง มาต่อชีวิต เรือสามารถกลับมาใช้งานได้ ผมจึงเอาเรือของผมลำนั้นไปเข้าโปรแกรมของโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาระดับ 5 ดาวแห่งหนึ่ง ก็ดีขึ้นพอจะลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง พอดีกับจังหวะที่โรงแรมนั้นเปลี่ยนตัวจีเอ็ม ผมจึงตัดสินใจที่จะทำธุรกิจด้วยตัวเองอีกครั้ง และตั้งชื่อเรือว่า แกรนด์ เพิร์ล เพราะเปรียบเรือลำนี้เป็นเหมือนหญิงสาว เป็นไข่มุกเม็ดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา”

จากเรือลำแรกถึงวันนี้ผ่านมากว่า 20 ปี ปัจจุบันมี เรือแกรนด์ เพิร์ล ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งหมด 3 ลำ ที่ พิชิต กล้าพูดได้ว่าเป็นเรือที่สวยงาม และมีโอกาสได้ต้อนรับบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกและระดับประเทศของไทยจำนวนมาก อาทิมาร์กาเรต แธตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษ,วลาดิมีร์ ปูติน อดีตผู้นำรัสเซีย, สตีเวน ซีกัล ดาราชื่อดังของฮอลลีวู้ด พิชิต เผยถึงความสำเร็จในธุรกิจนี้ว่า

“ผมอาจจะบอกไม่ได้ว่าหลักการบริหารที่ดีเป็นอย่างไร แต่ผมรู้ว่าผมจะบริการอย่างไร ความจริงใจมาก่อน สรรหาสิ่งที่ดีที่สุดมาบริการลูกค้า อาหารรสชาติดี บริการเยี่ยม ในราคายุติธรรม จึงทำเรือแกรนด์ เพิร์ล มีนักท่องเที่ยวลงเรือเต็มทุกวันทุกลำ แม้จะในช่วงที่มีปัญหากันเราก็ยังประคองตัวอยู่ได้”

เมื่อเจอในสิ่งที่ “รัก” การทำงานจึงกลายเป็น “ความสุข” และเกิดแรงบันดาลใจในการต่อยอด ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่เรือแกรนด์ เพิร์ล ให้บริการ พิชิต ที่วันนี้กลายเป็นผู้บริหารหนุ่มใหญ่ และใครๆ ต่างขนานนามว่าเขาคือ “เจ้าพ่อแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา” เขามีภาพฝันในความคิดเสมอว่า สักวันหนึ่งเขาจะต้องสร้างเรือสำราญที่มีทั้งความสวยงาม หรูหราที่สุด และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นกว่าที่เคยมีในประเทศไทย และวันนี้เขาก็ทำได้สำเร็จ

“เรือวันเดอร์ฟูล เพิร์ล เป็นเรือที่ผมออกแบบเอง ตอนที่ผมนั่งเขียนแบบด้วยตัวเอง เชื่อไหมว่าลูกน้องผมยังไม่เชื่อเลยว่าผมจะทำได้ จนวันหนึ่งที่มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจริงๆ เขาเดินมายกมือไหว้แล้วสารภาพว่าเขาเคยคิดดูถูกผมว่ามันจะเป็นไปได้จริงหรือ ผมมองว่าที่ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะความตั้งใจจริงกับสิ่งที่ทำ และความจริงใจให้กับทุกคน ไม่ว่าจะลูกน้อง คนทำธุรกิจด้วยกัน เพราะเมื่อผมจะลงมือสร้างวันเดอร์ฟูล เพิร์ล ผมก็ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากพรรคพวก เพื่อนฝูง และผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ดีมากเลยครับที่ทุกคนช่วยกันระดมสมองให้ไอเดียและให้กำลังใจผม”

กว่า 2 ปี กับเวลาที่ใช้ในการต่อเรือและตกแต่ง “วันเดอร์ฟูล เพิร์ล” และวันนี้ไข่มุกเม็ดงามลำใหม่พร้อมจะให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่จะได้ดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเป็นทางการแล้ว

“ผมกล้ายืนยันได้ว่า เรือลำนี้ได้มาตรฐานโลก มีความสวยงาม ใหญ่โตและทันสมัยที่สุดของเรือประเภทเดียวกันในโลก ที่เรียกว่า ริเวอร์ วิวคือเรือที่บริการท่องเที่ยวในแม่น้ำ ไม่ว่าจะของประเทศไหนในเอเชีย รับรองสู้วันเดอร์ฟูล เพิร์ล ไม่ได้แน่ๆ เพราะผมตั้งใจให้เรือลำนี้เป็นสมบัติของคนไทยและเป็นที่สุดของการบริการท่องเที่ยวในแม่น้ำของเอเชีย ที่สำคัญคือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและอยากให้คนไทยทั้งประเทศมาร่วมเป็นเจ้าของเรือลำใหม่นี้ พร้อมทั้งอยากให้คนไทยมาร่วมแชร์ความสุขร่วมกันกับผม”

หากมองทวนกระแสน้ำย้อนกลับไปในอดีต พิชิต บอกว่า ขอบคุณทุกอุปสรรคที่เข้ามาเป็นบททดสอบ และทำให้เชื่อมั่นว่า หากยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจและจริงใจ ต่อจะให้ล้มสักกี่ครั้ง เขาก็จะกลับมายืนขึ้นได้ใหม่เสมอ