เส้นทางรถไฟ
การเดินตามเส้นทางรถไฟสายมรณะที่สร้างขึ้นโดยเชลยศึกจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้น นับเป็นบาดแผลที่ทำให้คนทั้งโลกได้จดจำเป็นบทเรียน อาทิตย์นี้ได้ตามรอยไปกับชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท.)เพื่อเตือนความจำร่องรอยของความทุกข์ทรมานของผู้ที่ตกเป็นเชลยสงคราม โดยอาศัยการอ่านเรื่องราวจากอาทิตย์อุทัยดั่งสายฟ้า (An the Down came up like Thunder) ที่ลีโอ รอว์ลิ่ง (Leo Rawlings) เรียบเรียงไว้ ถือว่าเป็นบันทึกที่มีคุณค่ามาก เช่นเดียวกันเรื่องราวของทางรถไฟสายริมแม่น้ำแควนี้เมื่อถูกนำไปสร้างภาพยนตร์และได้รับรางวัลออสการ์ คนทั่วโลกจึงรู้จักเรื่อง “The Bridge on the River Kwai” เป็นอย่างดี ด้วยเป็นภาพยนตร์ที่สามารถถ่ายทอดให้เห็นสภาพการทำงานอันแสนเลวร้ายของแรงงานผู้เป็นเชลยสงครามนับหมื่นคนที่กองทัพญี่ปุ่นได้ระดมเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟเพื่อลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลจากกาญจนบุรีเข้าไปยังพม่าในช่วงทำสงครามโลกครั้งที่ ๒ กับฝ่ายสัมพันธมิตร
จากบันทึกของเชลยสงคราม
ชาวต่างชาติสนใจสถานที่
ทางรถไฟสายนี้มีความยาว ๑๐๕ กิโลเมตร จากพื้นที่บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ตั้งแต่ฝั่งพม่านั้นเป็นเส้นทางที่รัฐบาลพม่าให้ความสนใจเปิดเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟในอดีตที่มีร่องรอยอยู่ในพื้นที่กาญจนบุรี และราชบุรี ทางรถไฟสายมรณะนี้ถูกสร้างจากแรงงานของกรรมกร และเชลยศึกที่ควบคุมโดยกองทัพญี่ปุ่นระหว่างปีพ.ศ.๒๔๘๕-๒๔๘๖ เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลังพลจากไทยไปยังพม่าโดยรัฐบาลญี่ปุ่นนั้นขอยืมเงินจากรัฐบาลไทย จำนวน ๔ ล้านบาท ทำการก่อสร้างใช้เวลาในการสร้างเสร็จภายใน ๑ ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๖ เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์เข้าบุกพม่าและอินเดียต่อไป ต่อมาทางรถไฟสายนี้ได้ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายลงในปีพ.ศ.๒๔๘๘ จึงเหลือร่องรอยที่เป็นบาดแผลแห่งสงครามให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นบทเรียนถึงความทุกข์ทรมานและความกล้าหาญของบุคคลที่เป็นเชลยศึกมากกว่า ๑๓,๐๐๐ คน ล้วนแต่ถูกเกณฑ์ไปสร้างทางรถไฟที่มีความยาว ๔๒๔ กิโลเมตร ดังนั้นตลอดระยะเวลา ๑๔ เดือน แห่งความทุกข์ทรมานได้มีผู้เสียชีวิตลงเพราะทารุณกรรม ขาดอาหาร และโรคภัยไข้เจ็บ จากป่าที่หนาทึบและภูเขาสูง ซึ่งคาดว่า ยังมีพลเรือนชาวเอเชียที่ถูกบังคับใช้แรงงานอีกราว ๘๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ คน เสียชีวิตลงในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ แต่ไม่มีป้ายระบุ หรือหลุมฝังศพให้เห็น
ป้ายระลึกถึงสถานที่เชลยศึกสร้างทางรถไฟ
ช่องเขาขาดที่ตัดเขาสร้างทางรถไฟสายมรณะ
สำหรับทางรถไฟสายมรณะ หรือ ทางรถไฟสายพม่า นี้ได้สร้างเริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุกอำเภอบ้านโป่ง ราชบุรี ผ่านกาญจนบุรี ข้ามแม่น้ำแควใหญ่โดยสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อเดินทางไปยังปลายทางที่เมืองทันบูซายัด ประเทศพม่า มีความยาวจากหนองปลาดุกถึงสถานีทันบูซายัดรวม ๔๑๕ กิโลเมตร เป็นทางรถไฟอยู่ในเขตประเทศไทยประมาณ ๓๐๓.๙๕ กิโลเมตร และอยู่ในเขตพม่า ๑๑๑.๐๕ กิโลเมตร มีสถานีตามรายทาง ๓๗ สถานี หลังสงครามสิ้นสุดลงทางรถไฟบางส่วนถูกรื้อทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ทางรถไฟสายนี้จึงเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์ที่ทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลียฮอลันดาและนิวซีแลนด์ ประมาณ ๖๑,๗๐๐ คน และกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู พม่า อินเดียอีกจำนวนมากที่ได้ทนทุกข์ทรมานในการใช้แรงงานบุกเบิกสร้างทางรถไฟตามที่กองทัพญี่ปุ่นจับเป็นเชลยสงคราม โดยเฉพาะเส้นทางช่วงหนึ่งนั้นต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ทำให้ต้องสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้จึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัยตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง ทางรถไฟสายนี้สร้างเสร็จเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๖และเปิดใช้ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ปีเดียวกัน หลังสิ้นสุดสงครามลงรัฐบาลไทยได้จ่ายเงินจำนวน ๕๐ ล้านบาทซื้อทางรถไฟสายนี้ จากอังกฤษ และทำการซ่อมบำรุงบางส่วนจนเปิดการเดินรถตั้งแต่สถานีหนองปลาดุกจนถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทาง ๗๗ กิโลเมตร โดยอยู่ในความดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช่วงโค้งมรณะบริเวณหน้าถ้ำกระแซ ที่มีสะพานรถไฟเป็นทางโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยมียาวประมาณ ๔๐๐ เมตร ถือเป็นจุดชมวิวสำคัญในสถานที่จริงของทางรถไฟสายมรณะตามประวัติศาสตร์การสงครามในอาเซียน
ช่องเขาขาดในอดีต
เชลยศึกสงคราม
/เชลยศึกสร้างทางรถไฟ-GenBunchorn
ผังเส้นทางรถไฟมรณะ
/แผนที่ทางรถไฟสายมรณะที่วางไปพม่า
สถานที่ระลึกถึงเชลยศึกผู้ทุกข์ทรมาน
สร้างสะพานข้ามแคว
สายรถไฟถ้ำกระแต
หน้าถ้ำกระแซที่สร้างสะพานรถไฟ
ถ่ายภาพหมู่ความทรงจำช่องเขาขาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี