โลกโซเชียลในช่วงที่ผ่านมานี้ ได้มีการแชร์รูปภาพน้องหมา-น้องแมวที่ยืนเอาหัวพิงกำแพงหรือผนังห้อง ซึ่งมองเผินๆ แล้ว เป็นภาพที่ดูน่ารักดีนะครับ ดูเหมือนหมาที่กำลังคิดไม่ตก แต่ในทางสัตวแพทย์แล้ว อาการเหล่านี้นอกจากจะแสดงถึงความน่ารักของเจ้าตูบเจ้าเหมียวแล้ว ยังอาจบ่งถึงความผิดปกติก็ได้ วันนี้เราจะมาคุยเรื่องนี้กันครับ

อาการยืนนิ่งเอาหัวพิงหรือกระแทกฝาผนังเป็นระยะเวลานานๆ นี้ อาจไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สุนัขและแมวอาจไม่ได้ทำเพราะอกหัก หรือเรียกร้องความสนใจ แต่มีความเป็นไปได้ที่เจ็บปวดทรมานจากสภาวะของความผิดปกติของสมอง (brain) และระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system) ที่เรียกว่า Head Pressingได้ครับ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปครับ เพราะอาจไม่ได้มีปัญหาอะไรร้ายแรงอย่างที่เราวิตกก็ได้ครับ เนื่องจากสุนัขและแมวที่ป่วยด้วยความผิดปกตินี้ มักจะต้องแสดงอาการทางระบบประสาทอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เดินวนอยู่กับที่ เดินเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีจุดหมาย เหม่อลอย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น หรือมีอาการชักร่วมด้วย เป็นต้น

Head pressing คืออะไร

Head pressing เป็นสภาวะหรืออาการที่อาจสื่อถึงความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติที่สมองโดยเฉพาะที่สมองส่วนหน้า(Prosencephalon disease) เนื้องอกที่สมอง (Brain tumor) ความผิดปกติเกี่ยวกับ
ระบบการเผาผลาญในร่างกาย (Metabolic disorder) ความผิดปกติของระบบเลือดที่ไปเลี้ยงตับ (Liver shunts) การได้รับสารพิษ (Toxic poisoning) เช่น สารตะกั่ว ภาวะความเป็นพิษเนื่องจากการที่ตับถูกทำลาย ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง (stroke) การอักเสบและการติดเชื้อที่สมองที่มีสาเหตุมาจากจากเชื้อปรสิต แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา รวมถึงโรคพิษสุนัขบ้า และการได้รับความกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะ ก็เป็นได้ครับ ซึ่งความผิดปกตินี้สามารถพบได้ทั้งในสุนัขและแมว รวมถึงสัตว์อื่นเช่น โค ม้าและแพะ ด้วยครับ

การตรวจวินิจฉัย

สัตว์ที่มีอาการเข้าข่ายน่าสงสัย ควรได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือสัตวแพทย์ที่เฉพาะทางด้านโรคระบบประสาท สิ่งที่สัตวแพทย์มักจะใช้ตรวจวินิจฉัยร่วมกับการพิจารณาจากประวัติอย่างละเอียดจากเจ้าของ ได้แก่

- การตรวจจอประสาทตา (retina) และโครงสร้างส่วนหลังของลูกตา ว่ามีการติดเชื้อหรือการอักเสบหรือไม่

- การตรวจสอบความผิดปกติของสมอง เช่น การทำ CT scan หรือ MRI

- การตรวจวัดความดันเลือด และตรวจหาสารพิษในเลือด เช่น สารตะกั่ว

- ตรวจปัสสาวะเพื่อดูความผิดปกติของระบบการเผาผลาญในร่างกาย

การรักษา

การรักษาจะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นกับหลายปัจจัย อาจต้องใช้การรักษาทางอายุรกรรม ด้วยการใช้ยา หรือร่วมกับการรักษาโดยการผ่าตัด แต่ทั้งนี้ การวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มีโอกาสหายได้มากขึ้นครับ

ดังนั้น หากท่านเห็นความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวเจ้าตูบเกิดขึ้นแล้ว เราไม่ควรรอคิดว่าเดี๋ยวคงหายเองครับ ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ และที่สำคัญต้องให้ประวัติและข้อมูลด้านสุขภาพ อาการ และระยะเวลาการเกิดอย่างละเอียด
แก่สัตวแพทย์ด้วยครับ

อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย