ปากน้ำอ่าวไทย
จากละครเรื่อง “ข้าบดินทร์” ทำให้หลายคนรู้จักเมืองปากน้ำมากขึ้น อาทิตย์นี้ขอตามรอยผลงานของ “วรรณวรรธ” ไปที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา
จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยการเกิดปากน้ำนั้นมีเรื่องราวของชายฝั่งทะเลโบราณที่ได้วิวัฒนาการมาเมื่อ 10,000 ปีมาแล้ว หลังจากสิ้นยุคน้ำแข็ง สมัยไพลสโตซีน (Pleistocene) เมื่อประมาณ 1.8 ล้านปี-10,000 ปี และตั้งแต่ 10,000 ปี จนถึงปัจจุบัน เป็นถึงยุคควอเทอร์นารี สมัยโฮโลซีน (Holocene) ธารน้ำแข็งที่ปกคลุมโลกอยู่นานนั้นได้ละลายตัวเนื่องจากเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาและสภาพแวดล้อมโลก ทำให้ระดับน้ำทะเลมีการเปลี่ยนแปลงไหลเข้าแผ่นดินตามลำดับเวลาดังนี้ ปริมาณน้ำทะเลเพิ่มและมีระดับสูงขึ้นจนส่งผลให้น้ำทะเลนั้นไหลเข้ามาในแผ่นดินเมื่อประมาณ 9,000 ปี ระดับน้ำทะเลนั้นได้ขึ้นสูงสุดเมื่อประมาณ 6,000 ปีมาแล้ว กล่าวคือน้ำทะเลสมัยนั้นมีระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเลปัจจุบันถึง 4-5 เมตรจึงท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำที่อยู่อ่าวไทยไปจนถึงตอนเหนือของอยุธยา หลังจากนั้นระดับน้ำทะเลจึงเริ่มลดลงในช่วงประมาณ 3,000-4,000 ปี แล้วน้ำทะเลได้ลดลงมาอยู่ในระดับปัจจุบันนี้เมื่อประมาณ 1,000-1,500 ปีที่ผ่านมานี้เอง
สภาพของแผ่นดินหลังน้ำทะเลลดลงนั้นจึงเกิดสัณฐานชายฝั่งทะเลไทยที่มีลักษณะเป็นคาบสมุทรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก มีรูปร่างคล้ายรูปขวานโบราณ ที่เราเรียกกันว่า “ขวานทอง” โดยกำหนดให้ด้ามขวานที่เรียกตามภูมิศาสตร์ว่าคาบสมุทรมาลายาหรือมลายู แบ่งทะเลออกเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งทะเลอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน มีระยะทางตามแนวชายฝั่งรวมกันประมาณ 3,148.23 กิโลเมตร โดยฝั่งทะเลอ่าวไทยนั้นมีความยาวชายฝั่งทั้งสิ้น 2,055.18 กิโลเมตร อันเป็นส่วนของทะเลจีนใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ อ่าวไทยด้านตะวันออก ได้แก่ บริเวณฝั่งทะเลตั้งแต่จุดกึ่งกลางระหว่างปากแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางด้านทิศตะวันออก จรดเขตแดนประเทศกัมพูชา บริเวณบ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด หรือตั้งแต่จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ชายฝั่งทะเลด้านนี้จะได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกฝั่งเป็นอ่าวไทยด้านตะวันตก เริ่มจากจุดกึ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีนไปด้านทิศตะวันตกลงไปทางใต้จรดเขตแดนประเทศมาเลเซีย ที่ปากแม่น้ำสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส คือตั้งแต่ จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส นั้นเป็นฝั่งทะเลที่รับอิทธิพลลมมรสุมทำให้ตะวันออกเฉียงเหนือพัดเข้าฝั่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ฝั่งทะเล
การเดินทางในคลองแถวป่าชายเลน
ส่วนที่เป็นน่านน้ำอ่าวไทยตอนในหรือบริเวณพื้นที่ทะเลก้นอ่าวไทยได้แก่ บริเวณชายฝั่งทะเลตั้งแต่ปากน้ำแม่กลอง ปากน้ำท่าจีน ปากน้ำเจ้าพระยา จนถึงปากแม่น้ำบางปะกง ถือว่าเป็นบริเวณกว้างใหญ่ที่เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้พื้นที่ทะเลตอนในซึ่งอยู่ระหว่างอ่าวไทยฝั่งตะวันออก บริเวณช่องแสมสาร จังหวัดระยอง-ชลบุรี กับอ่าวไทยฝั่งตะวันตก บริเวณเหนืออำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้นเป็น อ่าวไทยที่เรียกว่า “อ่าวประวัติศาสตร์” ด้วยเป็นอ่าวไทยตอนในที่ใช้เป็นเส้นทางสำหรับเดินเรือในทะเลโบราณมาก่อนเมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว
คลองที่ไหลผ่านดินตะกอนออกทะเล
สำหรับปากแม่น้ำเจ้าพระยานั้นอยู่ส่วนบนของอ่าวประวัติศาสตร์ ปัจจุบันก็คือพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการที่มีแผ่นดินตอนล่างติดกับอ่าวไทยเป็นระยะประมาณ 47 กิโลเมตร จากการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น้ำทะเลขึ้นมาปนกับน้ำจืดให้เป็นน้ำกร่อย จึงทำให้เกิดป่าชายเลนเป็นบริเวณกว้างด้วยเหตุเป็นพื้นที่รองรับตะกอนดินซึ่งไหลมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาและลำคลองสาขาของแม่น้ำสายใหญ่ พื้นที่ชายเลนแห่งนี้เป็นจุดนัดพบของน้ำจืด และน้ำเค็ม ซึ่งมีความเหมาะสมต่อการวางไข่ของปลาและสัตว์น้ำต่างๆ ที่เป็นห่วงโซ่ทางธรรมชาติบนพื้นที่ปากน้ำแห่งนี้จนเป็นแผ่นดินปฐมภูมิสำหรับสิ่งมีชีวิตในทะเลไทย ทำให้อ่าวไทยตอนในนั้นเป็นแหล่งอาหารที่มีความอุดมสมบูรณ์ของประเทศมาจนทุกวันนี้
คลองในป่าชายเลนของอ่าวไทย
ดินตะกอนปากน้ำตอนบนของอ่าวไทย
ดินตะกอนปากน้ำที่เป็นแหล่งเพาะสัตว์สู่ทะเล
ดินตะกอนและป่าชายเลนปากน้ำ
บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ปากน้ำสมุทรปราการ
ปูแสมในป่าชายเลนปากแม่น้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี