พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทอดพระเนตรการทำมีดอรัญญิก
การสงครามป้องกันกรุงศรีอยุธยานั้น อาวุธที่ใช้ในการสู้รบคือดาบจากหมู่บ้านอรัญญิก ด้วยความคมและเหนียวแข็งนั้น จึงทำให้ชื่อดาบอรัญญิกเป็นที่รู้จักกันทั่วไป อาทิตย์นี้ ได้ตามรอย ศูนย์อยุธยาศึกษาไปที่บ้านต้นโพธิ์และบ้านไผ่หนอง ตามหาความเป็นอรัญญิก ว่าเป็นแหล่งขายมีด หรือชุมนักรบในอยุธยา เมื่อมีการสร้างปราสาทนครหลวงขึ้นนั้น ก็เสมือนเป็นพระราชฐานที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางไปนมัสการพระพุทธบาท ดังนั้นหมู่บ้านที่อยู่นอกเขตสำคัญนี้จึงถือเป็นเขตอรัญญิก ด้วยอยู่ที่ปากท่าของแม่น้ำป่าสัก ซึ่งใช้เป็นเส้นทางน้ำสายหลักสำหรับเรือสินค้าจากอีสานใช้ขึ้นล่องไป-มา ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นชุมชนค้าขายใหญ่ ครั้นเมื่อมีการเปิดให้ชาวลาวข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาสร้างบ้านแปลงเมืองในรัชกาลที่ ๑ ด้วยเหตุมีผู้คนอยู่จำนวนน้อยนั้น ชาวลาวส่วนหนึ่งจึงเดินทางล่วงเลยเข้ามาอยู่ที่ริมแม่น้ำป่าสักและตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านต้นโพธิ์และบ้านไผ่หนองของตำบลท่าช้าง ห่างจากบ้านอรัญญิก ๓ กม.ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าชาวลาวกลุ่มนี้ได้อพยพเข้าพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่ครั้งรัชกาลที่ ๒ ประมาณ พ.ศ.๒๓๖๕ ด้วยเวียงจันทน์เกิดอัตคัดขาดแคลน และโจรผู้ร้ายชุกชุม จึงตัดสินใจเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินโดยการทำมีดดังกล่าว ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ออกมาตั้งวังสีทาและป้อมขึ้นที่บริเวณแก่งคอย สระบุรี เพื่อเป็นต้นทางเฝ้าระวังศึกจากแม่น้ำป่าสัก ดาบอรัญญิกน่าจะมีบทบาทในการใช้ป้องกันข้าศึกแถบลุ่มน้ำป่าสักด้วย การตีดาบตีมีดครั้งแรกนั้นน่าจะเกิดจากชาวจีนที่มีความชำนาญมาแต่เดิม ส่วนชาวลาวนั้นได้เรียนรู้การทำตีดาบตีมีดจากบ้านอรัญญิกที่มีอยู่ก่อนแล้ว หรือว่า ชาวเวียงจันทน์อพยพเข้ามานั้นได้นำเครื่องมือเครื่องใช้มาตีมีดตีดาบนั้นเป็นได้ทั้งนั้น ซึ่งเล่าต่ออีกว่าการอพยพครั้งนั้นมีช้าง๒ เชือก ขนสัมภาระมากับขบวนอพยพนั้นด้วย อีกทั้งยังมีช่างทองรูปพรรณตามมาด้วย หากศึกษาถึงมีดอรัญญิกแล้วดูจะเกิดขึ้นในต้นสมัยรัตนโกสินทร์นี่เอง
ช้อน มีด ส้อม ที่พัฒนาเป็นสินค้าส่งออก
ในรัชกาลที่ ๕ นั้น พระนางสุขุมาลยศรีพระมาตุฉาเจ้า พระมเหสี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จมาทอดพระเนตรการทำมีดของชาวบ้านหนองไผ่ที่วัดมเหยงค์ ครั้งนั้นนายเทา(ต้นตระกูล พันธุ์หนอง) หัวหน้าชาวลาวเวียงจันทน์ในขณะนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนราบริรักษ์ เพื่อทำหน้าที่ดูแลปกครองลูกบ้านนั้นอยู่ทำมาหากินด้วยความสามัคคีและรักษาจารีตประเพณีที่ดีงาม
ชุมชนริมน้ำป่าสักแหล่งผลิตมีดอรัญญิก
หลังสุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนชาวท่าช้าง ที่มีการผลิตเครื่องมือจากเหล็กตามชื่ออรัญญิก เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ครั้งนั้นพระองค์ได้ทอดพระเนตรการตีมีดและมีพระราชดำริให้เริ่มต้นทำในสิ่งที่บรรพบุรุษได้ทำไว้เป็นสมบัติของชาติ และขอให้มีการพัฒนาให้ดำรงอยู่เป็นเอกลักษณ์ไทยตลอดไป
เตาสูบแบบเดิมที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบัน
ดาบอรัญญิกที่มีชื่อเสียงมาแต่ครั้งอยุธยานั้น มีลักษณะเด่นในเรื่องความคมและใช้เหล็กเหนียวทนทานต่อการใช้ต่อสู้โดยเฉพาะ ซึ่งมีสัดส่วนสมตัวกับผู้ใช้ให้มีคล่องแคล่วตามลีลาท่วงท่า มีแบบของดาบไทยที่ใช้รบอยู่หลายชนิดคือ ดาบเมือง ปลายใบข้าว ดาบหัวตัดโค้ง ดาบหัวตัดเฉียง ดาบหัวบัว และดาบหัวแหลม ซึ่งเป็นแบบดาบที่ชาวลาวเวียงจันทน์ออกแบบขึ้น จึงแตกต่างกับดาบรบในสมัยอยุธยา การตีดาบนั้นต้องอาศัยแรงคนหลายคน โดยมีคนตีพะเนิน ผู้ชำนาญการตีมีดอยู่ “หน้าเตา” คอยลงค้อนเหล็กตีนำเพื่อให้ลูกค้อนลงแรงตีตามที่ต้องการ ดังนั้นคนตีพะเนิน จึงได้รับการฝึกหัดและมีความรู้เป็นอย่างดี โดยมีการยกย่องผู้รู้นี้ว่า “ครูเตา” ปัจจุบันศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) ได้ร่วมกับชุมชนช่วยกันจัดพิพิธภัณฑ์หัตถกรรมอรัญญิกขึ้น เพื่อสร้างการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และวิถีชุมชนหัตถกรรมทำมีดอรัญญิกของบ้านต้นโพธิ์ สำหรับให้คนไทยและชาวต่างชาติได้เรียนรู้และช่วยกันสืบสานภูมิปัญญาคนตีมีดให้เป็นมรดกของชาติที่สามารถทำรายได้ให้กับประเทศสืบต่อไป
ผู้สืบทอดการทำมีดอรัญญิกที่บ้านต้นโพธิ์และบ้านไผ่หนอง
มีดแบบต่างๆ ที่ใช้ในปัจจุบัน
รูปแบบดาบอรัญญิกที่ลือชื่อของอยุธยา
พิพิธภัณฑ์หัตถกรรมอรัญญิก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี