รัชกาลที่ 5 ทอดพระเนตรปืนเสือหมอบ
เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2436 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่รู้จักกันดีคือ วิกฤตการณ์ปากน้ำ ซึ่งเป็นการรบระหว่างสยามกับฝรั่งเศสที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาหรือปากน้ำ ทำให้เรือรบฝรั่งเศส 3 ลำถูกโจมตีโดยป้อมปืนของสยามและเรือปืน ผลการรบ ฝรั่งเศสได้รับชัยชนะและดำเนินการปิดล้อมกรุงเทพฯ
ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์วิกฤตการณ์ปากน้ำ โดยมีป้อมพระจุลจอมเกล้า ป้อมปราการทางน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ อาทิตย์นี้ได้ตามรอยหาภูมิของป้อมปราการแห่งนี้ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ร.ศ.112 ไปพร้อมกันด้วย
รัชกาลที่ 5 ทรงวางแผนสร้างป้อมใหม่
ในอดีตนั้นการป้องกันข้าศึกทางปากน้ำนั้นได้มีการสร้างป้อมบนสองฟากแม่น้ำเจ้าพระยาเดิม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ต่อเนื่องถึงรัชกาลที่ 4 มีป้อม
มากกว่า 20 ป้อม แต่เป็นป้อมโบราณที่ติดตั้งปืนใหญ่ใส่ลูกทางปากกระบอกแบบเก่า และใช้ยุทธวิธีการรบทางน้ำโดยใช้โซ่ขึงปิดทางน้ำทำให้เรือไม่สามารถเคลื่อนไปได้ แต่กลวิธีไม่สามารถใช้เมื่อเรือกำปั่นของฝรั่ง หรือเรือกลไฟนั้นสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยถ่านหิน ที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานลมเหมือน
บริเวณป้อมปืนในปัจจุบัน
ดังนั้นการสร้างป้อมพระจุลจอมเกล้านั้นน่าจะสืบเนื่องจากในรัชกาลที่ 3 ได้มีการสร้างป้อมป้องกันข้าศึกทางน้ำมาก่อนแล้ว คือ ป้อมผีเสื้อสมุทรซึ่งเป็นป้อมที่สร้างขึ้นสำหรับการใช้ปืนโบราณแบบเดิมตั้งปืนเรียงเป็นระยะให้สามารถยิงไล่ตามลำดับในขณะที่เรือประเภทใช้ใบและฝีพายแล่นเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เมื่อมีการสร้างเรือเหล็กลอยน้ำติดเครื่องยนต์เป็นเรือรบ การใช้ปืนและป้อมแบบเดิมจึงไม่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นจึงมีการสร้างป้อมปืนขึ้นใหม่เมื่อประมาณเดือนมีนาคม พ.ศ.2426พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5ทรงมีพระราชดำริให้สร้างป้อมปืนที่ทันสมัยเพื่อใช้ป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส ด้วยขณะนั้น นิยมเรือเหล็กแบบใหม่ที่มีติดตั้งปืนบนเรือยิงได้ในระยะที่ต้องการ
ป้อมผีเสื้อสมุทรสมัยรัชกาลที่ 3
ป้อมพระจุลจอมเกล้า จึงเป็นป้อมปืนใหญ่แบบตะวันตกที่ทันสมัยสำหรับชัยภูมิปากน้ำ เมื่อเรือรบของข้าศึกแล่นเข้ามาปากน้ำแล้ว ป้อมแห่งนี้จะสามารถป้องกันได้ กล่าวคือป้อมนี้ได้ติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง 155 มม. จำนวน 7 กระบอก หรือเรียกทั่วไปว่าปืนเสือหมอบที่สามารถปรับวิถีการยิงได้ตามต้องการ ถือเป็นอาวุธหลักอันทันสมัยที่สุดในรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์สั่งมาครั้งนั้น 10 กระบอก ปืนเสือหมอบ 3 กระบอกที่เหลือนั้นได้นำไปติดตั้งที่ป้อมผีเสื้อสมุทรสมัยรัชกาลที่ 3 โดยปรับปรุงป้อมเดิมให้เป็นป้อมสำหรับใช้ปืนแบบนี้ขึ้นใหม่
ป้อมผีเสื้อสมุทร
เมื่อสร้างป้อมปราการแห่งใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทดลองยิงปืนเสือหมอบด้วยพระองค์เอง ในเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2463 ต่อมาป้อมปราการแห่งนี้ได้ใช้ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสในเหตุการณ์ ร.ศ.112 ดังกล่าวโดยมี พลเรือตรีพระยาชลยุทธโยธินทร์ เป็นผู้บัญชาการรบปัจจุบัน ป้อมพระจุลจอมเกล้าขึ้นตรงกับฐานทัพเรือกรุงเทพ ซึ่งมีการประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ.2536 เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสร้างป้อมปืนที่ทันสมัยและทรงมองการณ์ไกลต่อการรักษาเอกราชของแผ่นดิน ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาว่า “ฉันรู้ตัวชัดอยู่ว่า ถ้าความเป็นเอกราชของกรุงสยามได้สุดสิ้นไปเมื่อใด ชีวิตฉันก็คงจะสุดสิ้นไปเมื่อนั้น” ดังนั้นทุกปีจึงมีวันรำลึกถึงเหตุการณ์ ร.ศ.112 ณ สถานที่แห่งนี้ ด้วยมีการสู้รบกับเรือรบของฝรั่งเศสด้วยปืนเสือหมอบจากป้อมทั้งสองแห่ง คือ ป้อมผีเสื้อสมุทร และป้อมพระจุลจอมเกล้า10 กระบอก
ปืนเสือหมอบที่ทันสมัย ในรัชกาลที่ 5
ปืนเสือหมอบที่ป้อมพระจุล
เรือรบฝรั่งเศสยิงปืนสู้
ห้องเก็บกระสุนในป้อมพระจุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี