ศ.พญ.อลิสา ลิ้มสุวรรณ และ และ ผศ.นพ.สุเทพ วาณิชย์กุล
บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงข่าวโครงการ “ค่ายกิจกรรมสำหรับเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด” ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมนี้ พร้อมพูดคุยกับ ศ.พญ.อลิสา ลิ้มสุวรรณ แพทย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี, ผศ.นพ.สุเทพ วาณิชย์กุล แพทย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ ผู้ปกครองของผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ที่ได้รับการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมโดยไม่ต้องผ่าตัด ณ อาคารศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า โครงการ“ บ้านร่วมทางฝัน” ก่อตั้งขึ้นมาภายใต้แนวคิด “อยู่ เพื่อ ให้” คือ เสนาสร้างบ้านให้อยู่ คนซื้อบ้านได้อยู่บ้านดีๆ ยังไม่พอ ยังได้ช่วยให้คุณภาพการรักษาพยาบาลที่ดี เพื่อคนป่วยตามโรงพยาบาลอีกด้วย นี่คือแนวคิดหลักของโครงการนี้ ด้วยการสร้างบ้านคุณภาพ ทั้งโครงการทําออกมาขายในราคาปกติ เมื่อขายหมดแล้ว ก็จะนํากําไรทั้งหมดยกให้โรงพยาบาลที่เรากําหนดในแต่ละปี เพื่อนําไปจัดซื้อและพัฒนาทั้งเครื่องมือแพทย์ ห้องตรวจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโรงพยาบาลตามความเหมาะสม แยกการบริหาร การเงินชัดเจน เพื่อให้กําไรทั้งหมด ไปสู่การกุศลอย่างแท้จริงและโปร่งใส
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์
“สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการต่อยอดมาจากโครงการบ้านร่วมทางฝัน 3 ที่บมจ.เสนาฯ ได้มอบเงินสมทบให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดีจำนวน 40 ล้านบาท เพื่อโครงการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และจัดซื้อรถพยาบาล เมื่อปีที่ผ่านมา เพราะเรามองว่าเด็กเป็นกำลังสำคัญของอนาคต เราไม่ได้แค่ช่วยผู้ป่วย แต่เรากำลังช่วยเยาวชนของชาติ ทั้งยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วย”
ด้าน ศ.พญ.อลิสา ลิ้มสุวรรณ แพทย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และแพทย์เจ้าของโครงการโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เผยว่า การจัดโครงการค่ายกิจกรรมสำหรับเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เพื่อมุ่งหวังให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจที่เป็นอยู่และการปฏิบัติตัว พร้อมเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และหลีกเลี่ยงโรคติดเชื้อที่จะมีผลต่อสุขภาพและทำให้โรคหัวใจที่เป็นอยู่แย่ลง โดยจะเน้นการเสริมสร้างการออกกำลังกายให้เหมาะสมแก่โรคหัวใจ, การรักษาสุขลักษณะ เช่น การล้างมือ การใส่หน้ากากอนามัย และการป้องกันโรคโดยการฉีดวัคซีนในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ที่ชั้น 9 อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านการแพทย์ และโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี (ตึกเก่า) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน่วยโรคหัวใจเด็ก โทร.02-2011685, 02-2011821
ขณะที่ ผศ.นพ.สุเทพ วาณิชย์กุลแพทย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยถึงผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ที่ได้รับการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมโดยไม่ต้องผ่าตัด ว่า ตอนที่น้องคลอดออกมา สังเกตได้ว่ามีความผิดปกติ จึงวินิจฉัยได้ว่าน้องเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว น้องมีรูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจข้างล่างขนาดใหญ่ ทำให้เลือดดำ
เลือดแดงปนกัน ลิ้นหัวใจปอดก็ตีบตันสนิทเลย ไม่มีเลือดดำที่จะส่งขึ้นไปฟอกที่ปอด ให้เป็นเลือดแดงได้ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขในสัปดาห์แรก น้องอาจจะเสียชีวิตได้ ดังนั้น จึงใช้วิธีการรักษาโดยการให้ยาทางเส้นเลือด เพื่อเปิดหลอดเลือดเส้นหนึ่งที่ช่วยพยงุชีวิตเขาไว้ แต่เส้นเลือดนี้เปิดได้ไม่นาน จึงต้องทำการผ่าตัดต่อเส้นเลือด โดยนำเอาเส้นเลือดแดง ไปเข้าเส้นเลือดปอด ก็เป็นการประคับประคองให้น้องรอดชีวิตมาได้
ทั้งนี้ การผ่าตัดในครั้งแรก น้องยังไม่หายขาด เนื่องจากตอนนั้นน้องอายุได้เพียง 10 วัน เท่านั้น พอน้องอายุได้ 3 ขวบ สามารถผ่าตัดใหญ่ได้แล้ว จึงเริ่มแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลย คือปักรูรั่วที่หัวใจ ทำให้เลือดดำ เลือดแดงไม่ปนกันแล้ว ปัญหาที่สอง คือ ลิ้นหัวใจตีบตัน ไม่มีเลือดเข้าไปฟอกที่ปอด ก็จะใช้หลอดเลือดเทียม และนำลิ้นหัวใจจากผู้บริจาค นำมาใส่ให้ หลังจากผ่าตัดเสร็จ ร่างกายของน้องก็เป็นปกติดี เติบโตตามวัยแต่พอเวลาผ่านไป 7 ปี ร่างกายเริ่มต่อต้านอวัยวะ บวกกับความเสื่อมของการทำงาน ทำให้ลิ้นหัวใจมีหินปูนมาเกาะและแข็งตัว หัวใจเริ่มทำงานเสื่อมลง เริ่มมีความตีบและรั่วเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ ได้นำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วย เป็นการเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ตอนนี้น้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว
วราภรณ์ ตรงคง และลูกสาววัย 11 ปี ที่ได้รับการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม
วราภรณ์ ตรงคง แม่ของผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ได้รับการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมโดยไม่ต้องผ่าตัด เผยว่า ตอนที่รู้ว่าลูกเราเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด รู้สึกกลัว เพราะตนไม่เคยมีประสบการณ์ และในครอบครัวก็ไม่มีใครเป็นโรคหัวใจเลย แต่ความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ที่ได้เจอกับคุณหมอที่ดี และเก่ง คอยให้คำแนะนำ และให้กำลังใจกับเราตลอด แต่ในช่วงที่น้องต้องผ่าตัด ตนก็เกิดความกังวล เพราะตอนนั้นน้องอายุน้อยมาก อายุแค่ 10 วันเอง สงสารน้องกลัวน้องเจ็บ แต่ขณะเดียวกันเราก็เชื่อใจคุณหมอ และเชื่อมั่นว่าน้องต้องดีขึ้น ถึงแม้บางช่วงเวลาน้องอาจมีภาวะแทรกซ้อนบ้าง ฟื้นตัวช้าบ้าง แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีตอนนี้น้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไปแล้ว แต่ก็ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดกว่าเดิมพร้อมระวังในเรื่องของไข้เลือดออก ฟันผุ เพราะจะทำให้เลือดออกมาก น้องอาจช็อกได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี