วัตุดิบที่เรานำมาทำอาหาร หรือนำมารับประทานกันนั้นมีวิธีเก็บรักษาที่แตกต่างกัน โดยหนึ่งในวิธีถนอมอาหารที่ดีที่สุดคือการนำอาหารไปฟรีซไว้หรือการนำอาหารไปแช่ในช่องแช่แข็งนั่นเอง เชื่อได้ว่าหลายคนต้องคิดว่ามีเพียงอาหารประเภทเนื้อหรือของสดเท่านั้นที่จะแช่แข็งได้ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถแช่แข็งอาหารชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย

วันนี้เราจึงมี 10 วัตถุดิบที่คุณควรไปแช่แข็งเพื่อถนอมอาหารให้ได้นานมากขึ้นมานำเสนอ รับรองว่าต้องถูกใจเหล่าคุณแม่บ้าน พ่อบ้าน อย่างแน่นอน

1. เนย : การแช่แข็งเนยทำได้ไม่ยากแถมสะดวกอีกต่างหากเมื่อคุณต้องการอบขนม เพียงนำเนยใส่ไว้ในถุงสูญญากาศหรือกระดาษฟอยล์ จากนั้นนำเนยออกจากช่องแช่แข็งแล้วทิ้งไว้ข้ามคืนในช่องธรรมดาก่อนที่จะนำไปใช้ โดยปกติเนยจะอยู่ได้นานถึง 4 เดือน แต่ถ้าคุณนำไปแช่แข็งเนยจะสามารถอยู่ได้นานเป็นปีเลยล่ะ

2. ถั่ว : ถั่วที่ไม่เปลือกจะเสียเร็วเนื่องจากมีปริมาณไขมันสูง สภาวะอากาศภายนอกอย่าง อากาศร้อน ความชื้น แสงสว่าง หรือแม้แต่การวางใกล้กับโลหะก็สามารถทำให้ถั่วเน่าบูดได้ ดังนั้นคุณควรเก็บถั่วไว้ในภาชนะพลาสติกสูญญากาศและนำไปแช่ในช่องแช่แข็ง ซึ่งจะช่วยถนอมถั่วของคุณให้อยู่ได้นานถึง 8 เดือน

3. ชีส : ชีสสามารถนำไปแช่แข็งได้แต่ควรห่อหุ้มไว้ในถุงพลาสติกหรือกระดาษฟอยล์อย่างมิดชิด ชีสที่มีความชื้นสูงและชีสเหลวแปรรูปจะอยู่ได้เพียงเดือนเดียวแม้ว่าจะแช่แข็ง ดังนั้นคุณควรเลือกชีสที่มีความแข็งกว่านั้นเพราะจะสามารถอยู่ได้นานถึงหกเดือน และอย่าลืมนำชีสมาแช่ไว้ในช่องธรรมดา 1 คืน ก่อนที่คุณจะทำชีสไปทำอาหาร

4. ขนมอบ : หลังจากคุกกี้อบเย็นลงแล้วให้ห่อพลาสติกแยกชิ้นกัน จากนั้นก็ใส่ไว้ในภาชนะสูญญากาศ ซึ่งจะสามารถเก็บคุกกี้ไว้ได้นานราว 1 เดือน ส่วนคุกกี้บาร์หรือบราวนี่ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องโดยไม่ต้องหั่นในห่อพลาสติก แล้วหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์อีกชั้นซึ่งจะเก็บไว้ได้นานถึง 3 เดือน ขณะที่ขนมปังจากร้านค้าและมัฟฟิ่นควรแช่ไว้ในช่องแช่แข็งซึ่งจะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 เดือน หากคุณไม่ได้เปิดเลย ส่วนแป้งโดก็นำไปแช่แข็งได้และควรทิ้งไว้ในช่องธรรมดาก่อนนำไปอบทำขนมในครั้งต่อไป

5. นม : การนำนมไปแช่แข็งสามารถทำได้และควรทำเฉพาะตอนที่ยังสดใหม่ที่สุด อย่างไรก็ตามไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 4-6 สัปดาห์ ที่สำคัญควรเขย่าให้ดีก่อนนำมาดื่ม นอกจากนี้นมที่แช่แข็งอาจมีรสชาติและผิวสัมผัสที่แตกต่างไปจากเดิม

6. แป้ง : การนำแป้งไปแช่แข็งจะช่วยคุณทั้งเรื่องประหยัดเงินและเรื่องสุขอนามัย คุณควรเก็บแป้งไว้ในภาชนะสูญญากาศที่เหมาะแก่การบรรจุอาหาร โดยเทแป้งใส่ภาชนะใหม่และทิ้งบรรจุภัณฑ์เดิมไป และนำไปแช่ไว้ในช่องแช่แข็งราวๆ 48 ชั่วโมง เพื่อช่วยกำจัดแมลง หลังจากนั้นจึงค่อยย้ายมาแช่ในช่องธรรมดาเพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม

7. ซอสเพสโต้ : หลังจากคุณทำซอสเสร็จให้ตักแบ่งใส่ในช่องของถาดน้ำแข็งในปริมาณเท่าๆ กัน จากนั้นให้นำไปแช่แข็ง และเมื่อซอสแข็งตัวให้นำซอสเหล่านั้นใส่ลงไปในภาชนะหรือถุงสูญญากาศแล้วนำกลับไปแช่แข็งอีกครั้ง ซึ่งวิธีการเก็บรักษานี้จะช่วยถนอมให้ซอสของคุณอยู่ได้นานถึง 3 เดือน

8. พืชสมุนไพร : การแช่แข็งพืชสมุนไพรในขณะที่ยังสดใหม่ที่สุดจะช่วยรักษาความชื้นและคงรสชาติเดิมไว้ได้ โดยก่อนเก็บเข้าช่องแช่แข็ง ให้คุณล้างน้ำและตากให้แห้ง จากนั้นให้นำไปหั่นตามสัดส่วนที่ต้องการก่อนนำไปแช่แข็ง วางพืชสมุนไพรแยกเป็นชิ้นๆ บนกระดาษรองอบและคลุมให้มิดชิดก่อนนำไปแช่แข็ง เมื่อแข็งตัวแล้วให้นำพืชเหล่านั้นใส่ไว้ในถุงพลาสติกสูญญากาศและเอาไปแช่แข็งเหมือนเดิมจนกว่าคุณจะต้องการนำมาปรุงอาหารในครั้งต่อไป

9. ครีมชีสและครีมเปรี้ยว : หากคุณวางแผนที่จะทาครีมชีสลงบนขนมปังมื้อเช้าก็ไม่ต้องนำครีมชีสไปแช่แข็ง เนื่องจากเมื่อนำมาละลายความเหนียวข้นของมันจะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามหากคุณนำไปอบหรือต้มทันที ครีมชีสจะยังคงรสชาติเดิมและคุณภาพก็ไม่เปลี่ยนแปลงด้วย ครีมเปรี้ยวก็เช่นกัน แข็งตัวง่าย เหมาะแก่การนำไปอบหรือต้มแต่ความเหนียวข้นจะเปลี่ยนไปจากเดิม การตีครีมเปรี้ยวก่อนแช่แข็งจะช่วยกระจายความชื้นและการทำเช่นนั้นหลังจากที่นำมาละลายพร้อมกับเติมแป้งข้าวโพดลงไป 2 ช้อนโต๊ะจะทำให้มันมีลักษณะเหนียวข้นกลายเป็นครีมเหมือนเดิมได้

10. แยม : หากคุณนำแยมใส่ขวดโหลแก้วแล้วเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง คุณจะสามารถถนอนแยมได้นานถึง 1 ปี แยมจะไม่ขยายตัวมากนักเมื่ออยู่ในช่องแช่แข็ง แต่ไม่ควรเก็บไว้นานเกินกว่านั้นเพราะจะทำให้แยมเสียรสชาติ

ที่มา : issue247

thedailymeal