นักท่องเที่ยวที่มาปารีส และได้มีโอกาสมาเที่ยวปราสาทตามลุ่มนํ้าลัวร์ หากมาเที่ยว Chateau de Chambord และหากมีเวลาพอ ควรแวะเที่ยวเมือง Blois ด้วย เมือง Blois ที่เป็นเมืองหลวงของแคว้น Loire et Cher ของฝรั่งเศสนี้ตั้งอยู่ลุ่มนํ้า Loire ระหว่าง Orleans และ Tours เมือง Blois เป็นเมืองเก่าแก่ถูกพูดถึงครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 เมืองนี้มีความสำคัญขึ้นมาเนื่องจากมีการสังหารหมู่ชาวยิว 31 คนในปี 1171 นอกจากการสังหารหมู่แล้ว เมืองนี้ยังเคยเป็นฐานของการปลดปล่อย Orleans ของ Joan of Arc โดยเธอขี่ม้า 35 ไมล์มาเมือง Blois เพื่อปลดปล่อยชาว Orleans จากชาวอังกฤษด้วย

Hall of the States General

ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมืองนี้กลายเป็นที่ประทับประจำของราชวงศ์ฝรั่งเศส ในปี 1576 พระเจ้าเฮนรี่ที่สามแห่งฝรั่งเศสได้เลือกเมือง Blois เป็นที่พบปะกับเหล่าขุนนาง และในปี 1588 พระองค์ได้สังหาร Henry,duke of Guise และ Louis, archbishop of Reimsที่นี่  เมื่อ Marie de’Medici มเหสีของพระเจ้าเฮนรี่ที่สี่ถูกขับออกจากราชสำนัก พระนางก็มาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ในสงครามโลกครั้งที่สอง Blois ถูกครอบครองโดยเยอรมัน และได้รับอิสรภาพโดยการปลดปล่อยจากทหารชาวอเมริกันในเดือนสิงหาคมปี 1944

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของเมือง Bloisคงไม่พ้น Chateau de Blois  ปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่  13 และถูกต่อเติมเรื่อยมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 นี้ เป็นที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ บางพระองค์ยังถูกสังหารที่นี่ด้วย เช่น พระเจ้าหลุยส์ที่ 3 และพระนางMarie de Midici  สถานที่ก่อสร้างปราสาท เริ่มต้นจากSalle des Etats Generaux ที่มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่เก่าแก่ที่สุดที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันในคริสต์ศตวรรษที่ 13ปราสาทถูกขายให้กับ Louis duc d’Orleansพระอนุชาของพระเจ้า Charles VI  ต่อมาลูกชายของเขาCharles d’ Orleans ได้ปรับปรุงปราสาทใหม่ให้สวยงามและสะดวกสบายขึ้นจนเป็นที่ชื่นชอบของพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ลูกชายของ Charles d’Orleans อีกทีหนึ่ง พระองค์จึงขยายปราสาทให้ใหญ่ขึ้นและปรับสวนให้เป็นแนวอิตาเลียน 

Inside Blois Caste

เมื่อพระเจ้า Francis I เสวยราชสมบัติ พระองค์ก็มาขยายต่อเติมปราสาทใหม่เพราะพระมเหสีต้องการย้ายมาอยู่ พระองค์ตกแต่งปราสาทตามแนวทางศิลปะของอิตาลีโดยได้ทำบันไดวนด้านนอกของอาคาร และได้สร้างห้องสมุดขนาดใหญ่ไว้ด้วย แต่เมื่อพระมเหสีสวรรคตไป พระองค์ก็เลิกให้ความสนใจกับปราสาทแห่งนี้เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ได้มอบปราสาทให้เป็นของขวัญแต่งงานกับ Gaston duc d’Orleans พระอนุชา พระองค์ก็มีความพยายามที่จะปรับปรุงปราสาทเพิ่มเติมอีกแต่หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์การปรับปรุงก็หยุดชะงักปราสาทแห่งนี้ถูกละทิ้งไปอีกนานมากในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส และสมบัติภายในก็ถูกเคลื่อนย้ายไป ต่อมาในสมัยพระเจ้า Louis Philippe ปราสาทได้รับการจัดชั้นให้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ และได้รับการซ่อมแซมภายใต้การดูแลของ Felix Duban สถาปนิกชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ตกแต่งฝาผนังและหลังคาด้วย  ภายหลังปราสาทแห่งนี้ได้ถูกปรับให้เป็นมิวเซียมโดยรัฐบาลฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนจะเห็นว่าสถาปัตยกรรมที่นี่สวยงาม มีเอกลักษณ์แม้จะไม่โดดเด่นเท่า Chateau de Chambord แต่ภายในกลับยังคงมีการตกแต่งสวยงาม ทั้งนี้คงเป็นเพราะที่นี่เป็นที่ประทับของกษัตริย์หลายพระองค์ มิได้เป็นเพียงแค่ปราสาทเพื่อการล่าสัตว์

นอกจากปราสาทแล้ว นักท่องเที่ยวยังควรเดินข้ามสะพาน Blois ที่เชื่อมสองฟากของแม่น้ำลัวร์ และหากมีเวลาเหลือควรเที่ยว Magic Museum ที่อยู่ตรงข้ามกับปราสาท Blois ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Robert Houdin ผู้ก่อตั้งมายากลรุ่นใหม่ด้วย  หากนักท่องเที่ยวต้องการเข้ามิวเซียมนี้คงต้องเช็คเวลาก่อน เนื่องจากมีการแสดงมายากลและเวลาเปิดปิดทำการไม่เหมือนมิวเซียมอื่นๆ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการชมด้วย 

Inside Blois Caste2

Inside Blois Caste3

Louis XIIT