บุษเอยบุษบกแก้ว สีแววแสงวับฉายฉาน ห้ายอดเห็นเยี่ยมเทียมวิมาน แก้วประพาฬกาบเพชรสลับกัน
ชั้นเหมช่อห้อยล้วนพลอยบุษย์ บัลลังก์ครุฑลายเครือกระหนกคั่น ภาพรายพื้นรูปเทวัญ คนธรรพ์คั่นเทพกินนร
เลื่อนเมฆลอยมาในอากาศ อำไพโอภาสประภัสสร ไขแสงแข่งสีศศิธร อัมพรเอี่ยมพื้นโพยมพราย
ดั่งพระจันทร์เดินจรส่องดวง แลเฉิดลอยช่วงจำรัสฉายดาวกลาดดาษเกลื่อนเรียงราย เร็วคล้ายรีบเคลื่อนเลื่อนลอยมา
(รามเกียรติ์ ตอนศึกอินทรชิต บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1)
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สืบสานและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงโขน ศิลปกรรมและนาฏศิลป์ชั้นสูงของคนไทย เพื่อให้ศิลปะนี้ดำรงคงอยู่สืบไปดังนั้นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงได้จัดการแสดงโขนรามเกียรติ์มาแล้วรวม 6 ตอน ได้แก่ ศึกพรหมาศ, นางลอย, ศึกมัยราพณ์, จองถนน, ศึกกุมภกรรณ ตอน โมกขศักดิ์ และ ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ
โขนพระราชทานนี้เป็นสิ่งที่คนไทยผู้รักในศิลปะการแสดงชั้นสูงต่างเฝ้ารอคอยเสมอมาทุกปี เพราะนอกจากจะได้ชมความงามของฉากที่สุดแสนอลังการ เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับที่สุดวิจิตรบรรจง รวมถึงได้ชมท่าร่ายรำที่งดงาม ได้ฟังบทร้องที่แสนไพเราะ และยังได้ฟังการเล่นดนตรีไทยสดๆ ที่ยากจะหาฟังและหาชมได้ตามที่ต่างๆ ทั่วไป
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ
โขนรามเกียรติ์คือการจำลองเอารูปแบบและขนบประเพณีในราชสำนักมานำเสนอให้สาธารณชนได้ประจักษ์ในรูปแบบของการแสดง
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และผู้อำนวยการแสดงโขน บอกว่า ทุกครั้งที่จบการแสดงโขน คณะผู้จัดจะมีแบบสอบถามให้ผู้ชมได้ติชมและนำเสนอว่าชื่นชอบเรื่องใดตอนไหน แล้วจะประมวลผลที่ได้จากผู้ชมเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นจะทรงเลือกตอนการแสดงจากข้อมูลที่ได้รับจากแบบสอบถามด้วยความสนพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับปี พ.ศ.2558 ทรงเลือกโขนชุดศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ กลับมาจัดแสดงใหม่ หลังจากที่เคยสร้างความประทับใจให้ผู้ชมมาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2550 และ พ.ศ.2552 แต่สำหรับการแสดงครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงและจัดการแสดงใหม่ แต่ยังคงความงดงาม ความสนุกสนาน ตามแบบฉบับของโขนพระราชทานไว้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังคงจารีตแบบแผนและบทการแสดงตามบทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เป็นหลัก โดยผสมผสานกับบทคอนเสิร์ตของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ แล้วยังเพิ่มเติมบทฉุยฉายจากบทโขนพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เข้าไปด้วย
สิ่งสำคัญอีกประการของการแสดงโขนพระราชทานคือ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้เฟ้นหาเพชรเม็ดงามจากคนรุ่นใหม่เพื่อให้มีโอกาสร่วมสืบสานขนบและวัฒนธรรมของชาติไทย โดยได้คัดเลือกนักแสดงตัวเอกรุ่นใหม่ร่วมแสดงด้วย เพื่อให้เยาวชนมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ อนุรักษ์ และเผยแพร่นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยให้คงอยู่สืบไป โดยมีเยาวชนสมัครเข้าคัดเลือกมากถึง 845 คน สามารถคัดตัวแสดงเอกคือ พระ นาง ยักษ์ และลิง ได้ทั้งสิ้น 26 คน คณะกรรมการทุกคนพอใจมากที่เยาวชนให้ความสนใจกับกิจกรรมนี้
โขนหลวงในครั้งนี้มีชั้นของเชิงนาฏศิลป์ที่งดงามวิจิตร มีแนวคิดการสร้างฉากท้องพระโรงให้งดงาม เป็นศิลปกรรมไทยที่สุดวิจิตร โดยยึดรูปแบบศิลปกรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แล้วเพิ่มเติมบทฉุยฉายจากบทโขนพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งกล่าวได้ว่าแม้จะไม่แพร่หลายนัก แต่ทว่ามีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง มีกระบวนท่ารำที่รักษาไว้ในกรมศิลปากร และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ฉากการแสดงในครั้งนี้ประกอบด้วยฉากอันวิจิตรตระการตา6 ฉากสำคัญคือ ฉากที่ 1 ขัดตาทัพ (ท้องพระโรงกรุงโรมคัล), ฉากที่ 2 พลับพลาพระราม, ฉากที่ 3 สนามรบ, ฉากที่ 4 ข่าวศึก(ท้องพระโรงกรุงลงกา), ฉากที่ 5 เสียพิธี และฉากที่ 6ศรพรหมาศ
การแสดงโขนพระราชทานครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวของบรรดาศิลปินชั้นครูของเมืองไทย และยังมีเหล่านักแสดง นักร้องนักดนตรี นักออกแบบเครื่องแต่งกาย ช่างทำฉาก ช่างเทคนิค ช่างตัดเย็บ ช่างปัก ช่างทำเครื่องประดับ และบุคคลอื่นๆ ผู้อยู่เบื้องหลังฉากรวมแล้วกว่า 800 ชีวิต
โขนชุด ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ จะจัดการแสดงทั้งหมด 44 รอบ แสดงระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน-6 ธันวาคม 2558 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยพักการแสดงในทุกๆ วันจันทร์ ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา โทร.02-2623456 หรือที่ www.thaiticketmajor.com บัตรราคา 620, 820, 1,020 และ 1,520 บาทสำหรับรอบนักเรียน นักศึกษา บัตรราคาเพียง 120 บาทดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.khonperformance.com
เรื่องย่อ
ทศกัณฐ์ เจ้ากรุงลงกา ทรงทราบข่าวสมเด็จพระเจ้าหลาน คือ แสงอาทิตย์และมังกรกัณฐ์ เสียทีแก่ทัพพระราม จึงตรัสให้กาลสูรไปทูลอินทรชิตให้เร่งชุบศรพรหมาศ แล้วยกทัพไปรบกับกองทัพพระลักษมณ์ อินทรชิตแสร้งแปลงกายเป็นองค์อมรินทรา ให้การุณราชแปลงเป็นคชาเอราวัณ แล้วให้โยธาทั้งหลายกลายร่างเป็นเทพบุตรและเทพธิดา ออกไปจับระบำรำฟ้อนกลางเวหา พระลักษมณ์และพลวานรหลงกลคิดว่าองค์อมรินทรา เทพบุตร เทพธิดา มาจับระบำรำฟ้อนด้วยความหรรษา จึงพิศเพลินด้วยความจำเริญตา จนเสียทีให้อินทรชิตแผลงศรพรหมาศต้ององค์พระลักษมณ์ และพลวานรสลบไสลทั้งกองทัพ เว้นเพียงหนุมานไม่ต้องศรศิลป์อินทรชิตจึงขึ้นราญรอนกับอินทรชิต หนุมานตีควาญท้ายคชาอาสัญ แล้วง้างหักคอพญาเอราวัณได้สำเร็จ แต่ก็ต้องคันศรอินทรชิตฟาดสลบอยู่กลางสนามรบ ฝ่ายอินทรชิตและโยธาทั้งหลายก็เลิกทัพกลับพระนครลงกาด้วยความหรรษา
เมื่อความทราบถึงพระรามจึงทรงรีบรุดไปช่วยเหลือ ครั้นเสด็จมาถึงสนามรบ ก็พบหนุมานที่เพิ่งกลับฟื้นคืนสติมาเมื่อต้องพระพายพัดถูกกาย หนุมานทูลความทั้งหมดให้พระรามทรงทราบ เมื่อพระรามตรัสถามวิธีแก้ไขกับพิเภก ภิเภกโหราจารย์จึงกราบทูลว่ามีสรรพยาที่จะแก้ไขให้กลับฟื้นคืนมาได้อยู่ในภูผาชื่ออาวุธ พระรามจึงตรัสสั่งให้หนุมานเดินทางไปเอาสรรพยามาแก้ไข กองทัพพระลักษมณ์จึงกลับฟื้นคืนมา
ขอบคุณภาพ : จุกcanon
http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2011/12/O11441365/O11441365.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี