ในสมัยโบราณ การปอกผลไม้ ถือเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง เช่น การปอกมะปรางริ้ว จะต้องมีวิธีการปอกที่ถูกต้อง ละเมียดละไม ไม่ใช่ใครจะสามารถทำได้ ต้องผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนอย่างถูกวิธี ทางรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 พิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” พาไปพูดคุยกับ “พิพัฒน์พงษ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา” ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิธีปอกมะปรางริ้วจากราชสกุลกุญชร รุ่นสู่รุ่น
พิพัฒน์พงษ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา เล่าว่า “ศิลปะการปอกมะปรางริ้วมีมานานมากแล้ว ผมเองได้เรียนมาจากคุณแม่ คุณแม่ก็เรียนมาอีกทีจากคุณย่า คุณย่าเป็นผู้ที่อยู่ในราชสกุลกุญชร ซึ่งการปอกมะปรางริ้วของราชสกุลกุญชร เป็นที่เลื่องลือมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คุณย่าก็มาสอนต่อให้คุณแม่
คุณแม่ชื่อ คุณบุนนาค อิศรเสนาณ อยุธยา แล้วคุณแม่ก็สอนผม แต่ผมไม่ค่อยเอาดีเท่าไหร่ คือไม่ฝึกหัด เพราะฉะนั้นผมคงปอกไม่สวยเท่าไหร่ แต่ว่าเทคนิคไม่ใช่เรื่องยาก เป็นเรื่องที่บอกได้ สอนได้ แล้วถ้าขยันหมั่นเพียร เอาจริงเอาจัง หมั่นฝึกฝน ปอกได้แน่นอนครับ
สำหรับอุปกรณ์สำคัญๆ แบบดั้งเดิมที่ใช้นั้น จริงๆ แล้วมีดมะปราง เป็นมีดที่ใช้ปอกมะปรางอย่างเดียวนะครับ ไม่สามารถไปใช้ปอกผลไม้อื่นได้ เพราะมีดมะปราง ต้องเป็นมีดที่คมมากๆ สมัยโบราณใช้มีดที่ทำจากทองเหลือง ปัจจุบันนี้ก็เป็นมีดที่ทำมาจากเหล็กขาว
เหล็กขาวอันนี้เท่าที่ทราบมา ก็คือมาจากเยอรมนี ตอนนี้คนที่ทำมีดเสียชีวิตไปเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็น้ำหนักของมีดมีความสำคัญมากกับการปอก ถ้าเราจะเอามีดที่ซื้อขายกันอยู่ในปัจจุบันมาใช้ จะปอกได้ยาก เพราะว่าน้ำหนักมันไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นเวลาวางมือ หรือวางองศาของมีดมันจะไม่ค่อยได้
เรื่องลาย (ริ้ว) ถามว่าที่มีอยู่ตอนนี้มีอยู่กี่ลายมากน้อยแค่ไหน เรื่องจำนวนลายนี่ยังบอกจริงๆ ไม่ได้ ก็ต้องค่อยๆ ศึกษาไป ตอนนี้เท่าที่ผมพบและเท่าที่เจอมีอยู่ประมาณ20 กว่าลาย ส่วนเรื่องของมะยงชิดกับมะปรางต่างกันอย่างไร จริงๆ แล้วปัจจุบันลูกผสมมันเยอะมากนะครับ แล้วก็มะปรางรุ่นใหม่ๆ จะออกมาหลายแบบ เพราะฉะนั้นการที่เราจะบอกได้ว่ามะปรางหรือมะยงชิด มีวิธีเดียวคือชิม แล้วก็อีกอย่างถ้าดูด้วยตาจะยาก เพราะว่าบางสายพันธุ์จะคล้ายกันมาก
มะปรางนั้นจะหวานอย่างเดียวไม่ติดเปรี้ยวเมื่อเวลาสุก ถ้าดิบก็เปรี้ยวอยู่แล้ว แต่มะยงชิดจะอมหวาน แล้วก็ติดเปรี้ยวนิดๆ แต่ถ้าอมเปรี้ยวเลยติดหวานนิดๆ อันนั้นจะเป็นมะยงเฉยๆ เรื่องไซส์และขนาดถามว่ามีผลกับการปอกมั้ย บอกได้เลยว่ามีผลทั้งสองอย่างเลยครับ ขนาดของลูกก็มีผลต่อการปอก ถ้าลูกโตก็จะปอกยากกว่าลูกเล็กและลักษณะของลูกมะปราง บางลูกก็จะเหมือนไข่ไก่ บางลูกจะลูกกลมๆ คือ ขนาดของลูกและสิ่งที่เป็นสันฐานของลูกมีผล เพราะเวลาปอกลายแล้วเนี่ยมันมีหลายลาย บางลายต้องใช้ลูกที่กลมปอกถึงจะสวย บางลายใช้ที่เป็นลูกเหมือนไข่ อันนั้นปอกก็จะสวย
เพราะฉะนั้นเวลาปอกจริงๆ แล้วคนปอกก็จะต้องเลือกด้วยว่าลูกนี้เหมาะกับลายไหน ไม่ใช่ว่าหยิบออกมาแล้วก็ปอกไปได้เรื่อยๆ มันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นจะให้สวยมันก็ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นเลยว่าเลือกลูกมะปรางสวยไหม เหมาะกับลายนั้นๆ ไหม แล้วถึงจะเป็นฝีมือในการปอก ความสุกถ้าเกิดว่าสุกมากจะปอกยาก เพราะเวลาจับมะปราง เวลาริ้ว ถ้ามะปรางมันนิ่มมากมันจะปอกยาก ต้องมะปรางห่ามๆ ปอกจะสวย
สำหรับคอร์สการเปิดสอนปอกมะปรางริ้ว จริงๆ ก็พยายามเปิดสอนอยู่นะครับ เรื่องของเรื่องก็คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ว่า อยากจะให้สอน เพราะว่าการปอกมะปรางริ้วเมื่อสัก 4-5 ปี ที่แล้ว มีคนปอกเป็นน้อยมาก และผู้ที่ปอกเป็นก็ร่อยหรอลงไปทุกที ก็เลยรับสารเกล้าฯ มา แล้วก็มาเปิดสอน ได้สอนมาประมาณ 3 ปีแล้ว มีคนเรียนไปรุ่นหนึ่งประมาณ 20 กว่าคน ผมคิดว่าถึงเวลานี้น่าจะ100 กว่าคนแล้ว
เราเปิดสอน ก็ค่อยๆ สอน มะปรางริ้วสอนไม่ได้มีเทคนิคอะไรมากมาย เพียงแต่ปอกให้เป็น วิธีการให้ถูก จับมีดให้เป็น จับหมุนมะปรางให้ถูก ก็สามารถที่จะกลับไปศึกษาต่อที่บ้านได้ ในช่วงแรกๆ เราก็สอนวิธีการริ้วก่อน เพราะมันเป็นลายที่ยากที่สุด ถ้าคุณปอกริ้วได้ ลายอื่นๆ ก็จะไม่ยากนัก เพียงแต่ขึ้นลายให้เป็น
ก็พยายามเปิดสอนมาเรื่อยๆ ผมสอนเฉพาะคนที่อยากเรียน คือถ้าไปบังคับให้มาเรียน ผมก็พยายามจะบอกว่าอย่าเลย ต้องมีใจมาก่อน เพราะว่ามันต้องอดทนมาก มะปรางริ้วไม่ได้เป็นในลูกเดียว กว่าจะปอกได้อาจจะใช้เวลาด้วย แล้วก็ปอกเป็นสิบๆ ลูกไปแล้ว ต้องมีความตั้งใจและใจเย็นพอสมควร
กับเรื่องที่ว่าถนัดมือซ้ายหรือมือขวา ถามว่ามีผลไหม ไม่มีผลครับ สามารถปอกได้ทั้งสองอย่าง เพราะการหมุนลูกมันเป็นวิธีการ ก็คือถ้าปอกมือขวา เราก็จะหมุนลูกมาทางซ้าย ถ้าปอกมือซ้าย เราก็จะหมุนลูกไปทางขวา
เรื่องของอุปกรณ์ ปอกมะปรางริ้วจริงๆ แล้วอุปกรณ์มีแค่มีด มีดอย่างมากก็ไม่เกิน 3 เล่ม มีเล่มใหญ่ แล้วก็เล่มเล็กๆ ย่อมลงมาหน่อย แล้วก็มีเล่มที่เรียกว่ามีดคว้าน มี 3 เล่ม แล้วก็มีผ้า เป็นผ้าแพรดำ เอาไว้ลับคมมีด เพราะว่ามะปรางมียางเยอะ ก็มีผ้าดำหนึ่งผืน แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอ
แต่ประเด็นปัญหาก็คือ มีดที่ใช้ปอกมะปรางนั้นหายาก คนทำเป็นก็เสียชีวิตลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมพยายามจะหัดคนที่เขาทำใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งก็ยังไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย อันนี้ก็คงต้องค่อยๆ หาต่อไปว่าจะทำอย่างไร แต่ว่าน้ำหนักของมีดอะไรต่ออะไรได้แล้ว เหลือแต่ว่าเวลาลับมีดให้คมยังยากอยู่ เพราะที่ลับมีด ร้านที่ผมไปให้เขาทำมีด เขายังลับไม่เก่ง ก็ต้องส่งไปลับที่เยาวราช ซึ่งในเยาวราชตอนนี้ก็ใช้เขาเยอะไปหน่อยมั้ง ก็ออกมาไม่ค่อยคมเท่าไหร่ ก็ต้องกลับไปลับใหม่
ปีหนึ่งๆ ถามว่าเปิดสอนกี่ครั้ง ตรงนี้เราบอกเวลาไม่ได้ครับ จริงๆ เวลาปอก เวลาจะสอน ผมจะสอนเมื่อมีเวลาว่าง ถ้าวันไหนที่เป็นวันหยุดและว่าง ผมก็จะสอนมะปรางปีนี้ก็เปิดสอนไปวันนี้วันที่ 3 แล้ว ผมคิดว่าหนนี้ก็น่าจะเป็นหนสุดท้ายแล้ว เพราะมันปลายฤดูมะปรางแล้ว ไปปอกกับผลไม้อื่นก็อาจจะยาก เพราะฉะนั้นก็น่าจะเป็นคลาสสุดท้ายที่จะสอนในปีนี้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี