❛...ผมไม่ได้มาเปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ แต่ผมเข้ามาปรับปรุงมากกว่า อะไรที่ดีอยู่แล้ว เป็นจุดแข็งของเรา ผมก็ยังเก็บไว้และพัฒนาแต่อะไรที่มันเป็นจุดด้อย เราก็ปรับปรุงเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้…❛
เห็นเป็นหนุ่มตี๋ใบหน้าละม้ายกับพระเอก เจมส์ มาร์ ถ้าเลือกจะเดินวงการบันเทิง ก็คงมีแฟนคลับตามกรี๊ดกันล้นหลามแน่ๆ แต่ มาร์ค-วัลลภ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจหนุ่มวัย 27 ปี นั่งเก้าอี้รองกรรมการผู้จัดการ ถึง 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท พรหมมหาราชพัฒนาที่ดิน จำกัด, บริษัท เกรทไชน่ามิลเลนเนียม (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท บวรพงศ์ จำกัด และ บริษัท ถาวรสินพัฒนา จำกัด ผู้บริหารจัดการ โครงการโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ มหานาค, โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ รังสิต, โครงการเมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก และล่าสุดโครงการใหญ่ย่านประตูน้ำ ศูนย์การค้าเดอะพาลาเดียม และ โรงแรมเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ ขอเลือกที่จะเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า
มาร์ค เล่าภูมิหลังตัวเองให้ฟังว่า ตัวเขาเป็นลูกชายคนที่ 3 ของ ประดิษฐ์-จรูญลักษณ์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ยีนส์พันธุ์ไทยแท้ “BJ Jeans” ไปร่ำเรียนปริญญาตรีและปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่ University of Edinburgh สหราชอาณาจักร แต่สิ่งที่ทำให้คุณผู้อ่านสาวๆ หลายคนต้องผิดหวัง เพราะหนุ่มคนนี้มีเจ้าของแล้ว โดยสมรสกับ กิ๊ฟ-พัชราวดี วีรบวรพงศ์ เมื่อปลายปี 2557 และได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อตา (วรวิทย์ วีรบวรพงศ์) ให้มาช่วยบริหารธุรกิจของวีรบวรพงศ์
“ผมเข้ามาตอนที่ธุรกิจต้องการความเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง ในทุกๆ โครงการที่เราเป็นผู้บริหารจัดการอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ มหานาค ซึ่งเป็นศูนย์ค้าส่งเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่เราต้องการภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัย แต่ยังต้องคงความเป็นโบ๊เบ๊อยู่ หรือจะเป็นโครงการเมก้า พลาซ่าสะพานเหล็ก ศูนย์รวมของเล่นและกล้องใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่เราสามารถหาร้านค้ามาลงได้เต็มพื้นที่ ที่ผ่านมาธุรกิจดำเนินมากว่า 20 ปีรุ่นคุณพ่อไม่ได้เน้นในการสร้างแบรนด์มากนัก แต่พอผมกับภรรยาเข้ามาดูแล เราอยากให้แบรนด์เป็นที่จดจำ นอกจากเรื่องการตลาด ผมยังเน้นในเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์แต่ละแห่งที่เราเป็นผู้บริหาร”
นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงยอมรับว่างานใหญ่และงานที่ท้าทายความสามารถของมากที่สุดเห็นจะเป็นศูนย์การค้าเดอะพาลาเดียม ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ของธุรกิจย่านประตูน้ำ ที่กำลังอยู่ในช่วงปลุกปั้นให้แบรนด์ติดตลาด เป็นศูนย์การค้าส่งอันดับต้นๆ ในเรื่องของการจำหน่าย จิวเวลรี่ และเครื่องประดับ แฟชั่นเสื้อผ้า และสินค้าด้านไอที
“ผมอยากให้ เดอะพาลาเดียม ความหลากหลาย จึงไม่ได้จำกัดว่าที่นี่จะเป็นศูนย์ค้าสินค้าประเภทเดียว แต่เราสร้างแบรนด์ให้เป็นศูนย์ค้าส่ง จิวเวลรี่และเครื่องประดับ แฟชั่นเสื้อผ้า และสินค้าด้านไอที ซึ่งสองอย่างแรกคือ จิวเวลรี่ และเสื้อผ้าค่อนข้างไปได้สวยแล้ว ตอนนี้ผมพยายามเร่งเครื่องเดินหน้าความเป็นผู้นำค้าส่งสินค้าไอที เนื่องจากเรามองว่าถ้าเรามีทางเลือกที่หลากหลาย
ก็จะสามารถดึงลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์การค้าได้มากกว่าและมีลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการอยู่ตลอด อีกทั้งจุดแข็งของเราคือ มีที่จอดรถได้ถึง 3,000 คัน เชื่อมต่อกับโรงแรมเบอร์เคลีย์ และอาคารสำนักงาน”
ด้วยวัยเพียง 27 ปี สิ่งที่ทำให้เขาพร้อมสู้งานหนักเพื่อพิสูจน์ความสามารถนั่นคือ “ความทุ่มเท” และ “ความจริงใจ”
“ตอนเข้ามางานบริหารใหม่ๆ ต้องยอมรับว่าหลายคนมองว่า ผมจะทำงานนี้ได้จริงหรือเปล่า หรือแม้แต่คู่ค้าที่เป็นผู้เช่าเองก็มีความคลางแคลงใจบ้างว่าผมจะทำให้เขามีกำไรได้จริงหรือไม่ ซึ่งผมไม่สามารถบอกได้ด้วยคำพูดปากเปล่า ทุกอย่างผมจึงตั้งใจทำว่าสิ่งที่ผมพูด ผมขายออกไปไม่ใช่แค่สัญญาปากเปล่า แต่ผมทำให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้อย่างที่พูด และการที่ผมเข้ามา ผมไม่ได้มาเปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ แต่ผมเข้ามาปรับปรุงมากกว่า อะไรที่ดีอยู่แล้ว เป็นจุดแข็งของเรา ผมก็ยังเก็บไว้และพัฒนา แต่อะไรที่มันเป็นจุดด้อย เราก็ปรับปรุงเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ แต่อาจจะเป็นโชคดีของผมอย่างหนึ่ง ที่ตัวเองชอบอะไรที่ท้าทายความสามารถตัวเองอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ได้ทะนงว่าตัวเองเก่ง ส่วนหนึ่งเพราะเราได้รับโอกาสและยังมีที่ปรึกษาที่เก่งมากๆ อย่างคุณพ่อ คุณแม่ของผม และของภรรยา”
ด้วยนามสกุลดังที่เป็นจับจ้องมากโขอยู่ แต่เรากลับไม่ค่อยได้เห็นหน้านักธุรกิจหนุ่มคนนี้ตามข่าวสังคมในฐานะเซเลบริตี้รุ่นใหม่เท่าไรนัก ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังแต่งงาน ซึ่งหนุ่มมาร์ค บอกอย่างเขินๆ ว่า…
“ผมชอบทำงานมากกว่าครับ เอาจริงๆ คือ แค่ทำงานอย่างเดียวก็หมดเวลาแล้ว เสร็จงานก็อยากกลับบ้านพักผ่อนมากกว่า ตอนนี้อยากโฟกัสให้กับงาน ใครๆ ก็ถามว่าแต่งงานมาจะสองปีแล้วเมื่อไหร่จะมีลูก คงอีกสักพักอยากใช้เวลากันสองคน แล้วก็อยากทุ่มเทให้งานเต็มที่ก่อนครับ”
ในวันว่างหรือเวลาเครียดจากงาน สิ่งที่หนุ่มมาร์คชอบมากที่สุดคือ การออกไปตระเวนหาร้านอร่อยทาน หรือพาภรรยาไปช็อปปิ้ง
“เป็นสิ่งที่เราทั้งคู่ชอบเหมือนกัน ไปเดินห้างสรรพสินค้า หาร้านกาแฟ ร้านอาหารอร่อยๆ ทานไปอัพเดทไลฟ์สไตล์ผู้คน ถ้ามีเวลามากๆ ก็ชอบไปเที่ยว ซึ่งแต่ละแห่งที่ไปไม่ใช่แค่ว่าเราจะได้พักผ่อน แต่ยังได้แรงบันดาลใจดีๆ กลับมาใช้ในการทำงานด้วย เพราะงานของเราก็คือ บริหารพื้นที่ ศูนย์การค้า ถึงจะพักผ่อนแต่ก็ยังได้งานไปด้วยครับ”
ไม่เพียงแค่นั้นที่แสดงให้เห็นว่าการทำงาน คือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ชื่นชอบ แม้แต่ของสะสมที่ทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกกับการเป็นเด็กอีกครั้งอย่างตุ๊กตาหมี Bearbrick ก็ได้มาจากงานที่ทำอยู่
“ผมโตมากับเกมคอมพิวเตอร์ ตัวต่อเลโก้ ไม่ทันของเล่นยุคเก่าๆ แต่พอมาบริหารโครงการเมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเล่น ทำให้มีโอกาสเห็นของเล่นยุคเก่าๆ รุ่นคุณพ่อ หรือรุ่นก่อนหน้าผม เห็นแล้วชอบมาก อันไหนสวยๆ ดูแล้วคลาสสิก ก็ซื้อเก็บไว้เองบ้าง เพราะเชื่อว่าเด็กรุ่นหลังๆ จะมีโอกาสเห็นน้อยถ้าไม่ใช่คนสะสม แต่ที่ชอบสุดๆ ก็ตุ๊กตาหมี Bearbrick อันนี้ก็จะเป็นของเล่นของเด็กรุ่นใหม่จริง เป็นตุ๊กตาหมีที่มีลักษณะเหมือนคน คือยืนสองขาตัวตรง แต่ความพิเศษของมันคือ การตกแต่งที่จะมีการซื้อลิขสิทธิ์กับการ์ตูนค่ายดังแล้วจับเจ้า Bearbrick แต่งตัวเหมือนซูเปอร์ฮีโร่การ์ตูนดัง หรือบางคอลเลคชั่นก็ออกแบบโดยดีไซเนอร์ดังๆ ซึ่งผมก็หาซื้อภายในโครงการเมก้า พลาซ่า สะพานเหล็กนี่ละครับ”
มีคุณสมบัติครบ ทั้งความหล่อเหลา ความสามารถ แถมด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์ ถ้าไม่ติดว่ามีเจ้าของหัวใจไปแล้ว สาวน้อยสาวใหญ่ของคงหวั่นไหวกันไปทั้งเมืองแน่ๆ ค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี