คิม เวสท์, สภาพร กังวานเวชกุล, แพทย์หญิงธิศรา วีรสมัย และ นิหน่า-สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา
ปัญหาเรื่องการนอนของลูกน้อย เป็นปัญหาที่สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับพ่อแม่ทั่วโลกS-26 Progress GOLD นมผงคุณภาพระดับพรีเมียมสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปตอกย้ำความเป็นผู้นำในการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพของเด็กไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนอนที่มีคุณภาพเพื่อการพัฒนาด้านสมองที่ดี เชิญ คิม เวสท์ (Kim West) ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้าน Sleep Coaching หรือเทรนนิ่งสำหรับเด็กที่มีปัญหาการนอน มาเผยเคล็ดลับการนอนของลูกน้อย ร่วมกับสูติ-นรีแพทย์ จากโรงพยาบาลพญาไท โดยมีคุณแม่คนดังเปิ้ล-จริยดี สเปนเซอร์ ควงลูกชาย น้องเจคมาร่วมฟังข้อมูลดีๆ ในงาน
สภาพร กังวานเวชกุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจผลิตภัณฑ์นมผงคุณภาพระดับพรีเมียม S-26 Progress GOLD กล่าวว่า “S-26 Progress GOLD มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กไทยผ่านโภชนาการที่ดี เราเล็งเห็นว่าการนอนเป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้เรื่องโภชนาการ การนอนที่ไม่เพียงพอของเด็กนั้น ไม่ได้ส่งผลต่อสุขภาพ การเจริญเติบโต และการพัฒนาสมองของเด็กเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการที่พ่อแม่จะสามารถพักผ่อนได้ดีหรือไม่อีกด้วย ในโอกาสนี้เราได้รับเกียรติจาก คิม เวสท์ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการนอนจากสหรัฐอเมริกา มาเผยเคล็ดลับที่พ่อแม่คนไทยสามารถนำไปใช้ได้และเห็นผลจริง”
ทั้งนี้ ปัญหาการนอนในเด็กที่พบได้บ่อย คือ เด็กนอนดึก เข้านอนยาก เด็กตื่นกลางดึกบ่อย หลับไม่สนิท และการที่เด็กไม่สามารถนอนเองได้ ต้องมีตัวช่วย เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกัน เพราะหากเด็กต้องใช้ตัวช่วยให้นอนหลับ เช่น รอให้พ่อแม่มากล่อมเท่านั้นถึงจะหลับ ก็จะทำให้งอแงไม่ยอมนอน ส่งผลให้พอถึงเวลานอนจริงๆ สะดุ้งตื่นบ่อย ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่อย่างมาก เมื่อเด็กนอนน้อยหรือนอนไม่ต่อเนื่องสมองอาจจะพัฒนาไม่เต็มที่จากการสำรวจพฤติกรรมการนอนของเด็กยังพบอีกว่า เด็ก 25-40% นอนไม่พอ และยังมีการศึกษาในแม่ชาวเอเชียเทียบกับแม่ชาวตะวันตก พบว่ามากกว่า 54% มีปัญหาการนอน เด็กในเอเชียมีชั่วโมงการนอนที่น้อยกว่าเด็กในยุโรปและพ่อแม่คนเอเชียมีแนวโน้มให้ลูกนอนเตียงเดียวกัน หรือห้องนอนเดียวกันมากกว่าเด็กในยุโรป แต่ความยุ่งยากใจเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยเทคนิคเฉพาะทางและความร่วมมือของทุกคนในครอบครัว
เปิ้ล-จริยดี สเปนเซอร์ และน้องเจค
คิม เวสท์ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการนอนของเด็กกล่าวว่า “พฤติกรรมการนอนของลูกส่งผลกระทบต่อทุกคนและเป็นปัญหาที่พบเจอแทบจะทุกครอบครัวทั่วโลก รูปแบบการนอนของเด็กนั้นเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะส่งผลทั้งร่างกาย อารมณ์ การเรียนรู้ และนิสัยของเด็กในระยะยาว สาเหตุของปัญหาการนอนในเด็กมีมากมายทั้งจากตัวเด็กเองและปัจจัยแวดล้อม เช่น สมาชิกในครอบครัว กิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการนอนของเด็ก เราสามารถช่วยเหลือเด็กและเรียนรู้ร่วมกันที่จะปรับเปลี่ยนนิสัย โดยใช้เทคนิคที่นุ่มนวลได้ ที่สหรัฐอเมริกาเองให้ความสำคัญกับเรื่องการนอนของเด็กมาก เพราะการที่เด็กได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพ จะช่วยเสริมสร้างความผูกพันและสานสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างพ่อแม่ลูก”
ด้าน แพทย์หญิงธิศรา วีรสมัย สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลพญาไท 1 กล่าวว่า“ช่วงเวลาการนอนตอนกลางคืนของเด็กมีความสำคัญมาก เพราะสมองจะนำเอาประสบการณ์ที่เกิดจากการทำกิจกรรมตอนกลางวัน มาสร้างเป็นความทรงจำระยะยาว (Memory Consolidation) เพื่อให้สมองของลูกน้อยทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ พ่อแม่ควรดูแลโภชนาการให้ครบ 5 หมู่ และเสริมด้วยสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ รวมทั้งดีเอชเอ โคลีน ลูทีน และแอลฟา-แล็คตัลบูมินซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพสูง พบในน้ำนมแม่ย่อยง่าย และให้กรดอะมิโนจำเป็นชื่อทริปโตเฟน พ่อแม่ควรสร้างบรรยากาศและใช้เทคนิคที่เหมาะสม เพื่อให้การนอนของลูกมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
ทั้งนี้ S-26 Progress GOLD ยังได้จัดทำ scrapbook รวบรวม 26 เทคนิค จาก คิม เวสท์ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการนอนของเด็ก เพื่อช่วยให้เหล่าพ่อแม่ได้คลายกังวลเกี่ยวกับปัญหาการนอนของลูก พ่อแม่ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับได้ที่โทร.02-6402288 หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริมสร้างสมองลูกในขณะหลับได้ที่ www.s-momclub.com/thepowerofsleeping
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี