คณะจากกระทรวงวัฒนธรรมและจังหวัดศรีสะเกษ
วิถีวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นเป็นต้นทุนทางสังคมที่ทำให้เกิดความรักท้องถิ่นของตนได้ฉันใด ย่อมเป็นเรื่องดีต่อการสร้างความภูมิใจฉันนั้น ทำให้ต่อยอดจนมองเห็นอนาคตที่จะต้องส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยววิถีไทยให้เกิดขึ้น อาทิตย์นี้ได้ตามรอยไปกับงานถนนวัฒนธรรมที่กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ร่วมกับพื้นที่ส่งเสริมให้จัดขึ้นในหลายจังหวัด เดือนมิถุนายนนี้งานถนนวัฒนธรรมจัดขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่มีความหลากหลายทางมิติวัฒนธรรมด้วยเป็นเมืองที่มีชนเผ่าดั้งเดิมอยู่ร่วมกัน จึงเป็นสีสันของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ร่วมวิถีวัฒนธรรมและภาษาในสังคมหรือพื้นที่เดียวกัน ชนเผ่าในศรีสะเกษที่รู้จักกันเป็นอย่างดีนั้น มีชนเผ่ากูย เขมร เยอ ลาว จีนและไทย โดยเฉพาะชนเผ่ากูยหรือส่วย นั้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย (พ.ศ.๒๒๔๕-๒๓๒๖) ชาวกูยมีถิ่นเดิมอยู่บริเวณตอนเหนือของเมืองกำปงธม แล้วย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ในบ้านเคาะโดยพื้นเพบรรพบุรุษสันนิษฐานว่า เดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านตาฮีง เดิมนั้นเรียกว่าอาแดะ(บ้านหม้อ)จากการมีอาชีพปั้นเครื่องปั้นดินเผาเป็นหลัก แม้หมู่บ้านนี้จะหายสาบสูญไปแล้วก็ยังเหลืองานปั้นเครื่องปั้นดินเผาในถิ่นอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกันปัจจุบันพบชาวกูยในจังหวัดบุรีรัมย์ อุบลราชธานี นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ สาละวัน ทางตอนใต้ของลาวและอพยพข้ามลำน้ำโขงเข้าสู่ภาคอีสานทางด้านแก่งสะพือ อ.โขงเจียม ส่วนชนเผ่าเขมรถือเป็นคนเก่าที่เข้ามาตั้งบ้านเรือนในศรีสะเกษตั้งแต่ครั้งยุคเขมรพระนคร (พุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘) ในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ (พ.ศ.๑๕๔๕-๑๕๙๓) และพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ (พ.ศ. ๑๗๒๔-๑๗๖๑) โดยกษัตริย์เขมรนั้นได้เกณฑ์ชาวเขมร จากประเทศเขมรและชาวกวยในเขตอีสานใต้ให้เป็นผู้สร้างปราสาทและสร้างเมืองในเขตอีสานตลอดจนถนนหนทางจากนครธมไปยังเมืองต่างๆ จึงมีปราสาทอยู่จำนวนมากและ ชาวเขมรที่ถูกเกณฑ์แรงงานนั้นจึงตั้งหลักแหล่งอยู่ในแถบอีสานใต้ ปัจจุบันชาวเขมรได้ผสมกลมกลืนกับวัฒนธรรมชาวกวยจนเรียกเผ่าเขมรว่า “เขมรส่วย” และเรียกกลุ่มชาวกวยที่อยู่ใกล้กับลาว “ลาวส่วย” สำเนียงภาษาเขมรถิ่นไทยนั้นจึงมีการพูดกันอยู่ในบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และขยายต่อไปยังบางอำเภอของอุบลราชธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว
ชาวเผ่าต่างๆ ท่ี่มาร่วมงาน
นอกจากนี้ศรีสะเกษยังมีชนเผ่าอื่นอีกคือ ชาวเยอเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่แถบอีสานใต้และอีสานเหนือบางส่วน รวมถึงพื้นที่ทั้งฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงด้วย ชาวลาวที่เข้ามาตั้งหลักฐานในศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียง ชาวลาวส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา ได้เผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมทางภาษา สามารถเข้าไปถึงชุมชนชาวพื้นเมืองที่เป็นชาวกวย เขมร และเยอ จนปัจจุบันภาษาลาวนั้นกลายเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารส่วนใหญ่ในศรีสะเกษ แต่ลาวบางพวกยังติดสำเนียงส่วย ที่ออกเสียงกลางเป็นเสียงตรี จึงมีแยกเรียกชาวลาวในจังหวัดอื่นว่า “ส่วยศรีสะเกษ” ส่วนชาวจีนในศรีสะเกษเกือบทั้งหมดเป็นจีนแต้จิ๋ว ส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องกัน ชาวจีนกลุ่มแรกมาอยู่ที่ศรีสะเกษ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๐ โดยเดินทางจากนครราชสีมาด้วยกองคาราวานเกวียน และบางกลุ่มด้วยการล่องเรือตามลำน้ำมูลมาขึ้นฝั่งที่เมืองราษีไศล แล้วเดินทางต่อด้วยเกวียนมาศรีสะเกษ ชาวจีนมีอาชีพค้าขายโดยเปิดร้านขายของ ดังนั้นไม่ว่าชนเผ่าใดไปเปิดร้านขายของแล้วจะถูกเรียกว่า เจ๊ก หมดไม่ว่าจะเป็นลาว ส่วย เยอ เขมร หรือไทยก็ตาม ถ้าเปิดร้านขายของในชนบทแล้วถูกเรียกว่าเจ๊กหมด ดังนั้นความหลากหลายจากชนเผ่าต่างๆในศรีสะเกษจึงทำให้มีวิถีวัฒนธรรมร่วมที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะจนเป็นเสน่ห์แห่งชาติพันธุ์และภาษาที่น่าสนใจยิ่ง
การแสดงท่ี่หลากหลายวัฒนธรรม
ชนเผ่าต่างๆ ในศรีสะเกษ
ชาวกุยกับอาหาร
ชาวกูยยังติดหมากแบบโบราณ
ชาวกูยหรือส่วย
ชาวกูยหรือส่วย
ชาวเขมรศรีสะเกษ
ชาวเยอ
ชาวลาว
ภาษากูย
ลูกหลานชนเผ่ารุ่นใหม่
อาหารของชาวเยอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี