โลดแล่นบนหน้าจอทั้งในฐานะนักข่าวผู้ประกาศข่าว และพิธีกรมากว่า 20 ปี สำหรับ “ปราย ธนาอัมพุช” ที่พักหลังหันไปจับงานบริหาร ให้กับสถานีโทรทัศน์ PPTV HD ช่อง 36 ในตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตรายการและตรวจสอบคุณภาพนานกว่า 2 ปี ครั้งนี้หวนคืนจออีกครั้งกับบทบาทคนข่าวที่เธอรัก ใน “โชว์ข่าวเช้านี้” ทางช่องพีพีทีวี รายการข่าวที่นอกจากจะให้สาระความรู้แล้ว ยังได้ความสนุก เพลิดเพลินแบบจัดเต็ม กับการประกบคู่เพื่อนซี้ “โก้-ชาญชัย กายสิทธิ์”
จากเด็กที่รักการอ่านมาตั้งแต่เด็ก เหตุเพราะคุณแม่เป็นครูภาษาไทย ทำให้เธอได้ใกล้ชิดและหยิบจับหนังสือบนชั้นที่วางเรียงรายมาอ่านอยู่เป็นประจำ
“ตอนเด็กๆ มีอาชีพที่อยู่ในใจเยอะมาก ขึ้นอยู่กับว่าเราใกล้ชิดกับอะไร เช่น ตอนเด็กมากๆ อยากเป็นครู เพราะแม่เป็นครู พอวัยรุ่น
ก็อยากเป็นดีเจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองชอบพูดและคนอื่นๆ ก็บอกว่า เราพูดภาษาไทยชัด ยิ่งช่วงที่เรียนชั้นมัธยมศึกษา จะได้อ่านกลอน ซึ่งเราสามารถอ่านแบบทำนองเสนาะได้สบายมาก ผิดกับเพื่อนคนอื่นๆ มีโอกาสเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันอ่านทำนองเสนาะในระดับ จังหวัด ระดับประเทศก็ผ่านมาแล้ว เลยเป็นคนที่รักภาษาไทยไปเลย เพราะรู้สึกว่าสนุกและมีความสุข”
เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ได้เลือกเอนทรานซ์ในสาขาหรือวิชาเกี่ยวกับนิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์ในความตั้งใจแรก แต่เลือกที่จะเรียนควบคู่กันไปอีกรั้วมหาวิทยาลัยหนึ่ง
“ความที่เราเป็นคนหัวไม่ค่อยดี เลยเลือกอะไรที่ไม่ใช่คณะนิเทศฯ หรือวารสารฯ แน่ๆ เพราะเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น คิดว่าอะไรก็ได้ เพราะตั้งใจจะเข้าไปเรียนรู้ชีวิต ได้อยู่กับเพื่อน ในรั้วมหาวิทยาลัยมากกว่า เอนทรานซ์ติดและเข้าเรียนที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานสายนี้เลย แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชไปด้วย เป็นสิ่งที่เราชอบและทำให้ได้เรียนรู้ในเรื่องพื้นฐานของสื่อสารมวลชน”
เธอใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพียง 3 ปีครึ่งเท่านั้น จึงพอมีเวลาค้นหาตัวเองพอสมควร ทั้งได้ถ่ายแบบ เป็นพิธีกร จากการที่เพื่อนชวนไปทำ เธอจึงรู้สึกมั่นใจมากขึ้นกับการออกหน้าจอ ขณะเดียวกันสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ หรือช่อง 9 เปิดรับสมัครผู้ประกาศข่าวพิเศษ เธอจึงได้เริ่มลองงานหน้าจอเป็นครั้งแรก
“ตอนนั้นเริ่มจากการอ่านข่าวหุ้น ข่าวประกวดราคา ข่าวคั่นเวลาก่อน เราทำได้เกือบปี ช่อง 3 ก็เปิดรับสมัครนักข่าว ซึ่งในอดีตนั้น นักข่าวหรือผู้ประกาศข่าวจะไม่ได้แบ่งชัดเจนเหมือนปัจจุบันว่าคนนี้เป็นนักข่าวกีฬา นักข่าวต่างประเทศ เลยทำให้เราได้อ่าน ได้เรียนรู้ทุกข่าว และยังได้ลงพื้นที่ด้วย ทำให้ได้ฝึกทักษะหลายๆ ด้าน อย่างแรกเลยคือ ฝึก “ต่อมเอ๊ะ” ไม่ว่าเราจะไปอยู่จุดไหน เราต้องสงสัยไว้ก่อน เช่น เอ๊ะ! ทำไมเก้าอี้บริเวณนี้มีเยอะกว่าปกติ เอ๊ะ! ทำไมคนถึงไปรุมอยู่พื้นที่ตรงนั้นความสงสัยเหล่านี้ทำให้มีข่าวเกิดขึ้น อย่างที่สอง คือการฝึกเล่าข่าว เรียบเรียงในสิ่งที่เราเจอมา ผ่านการเขียน การที่เราได้ลงพื้นที่ ทำให้ได้เห็นอะไรเป็นแบบ 360 องศา ดีกว่าการเห็นแค่ตัวอักษรในกระดาษ ที่เขียนไม่ได้หมด เราจะเห็นเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้น อารมณ์ความรู้สึกที่สามารถหยิบมาเล่าได้มากขึ้น”
กว่า 10 ปี บนเส้นทางของคนข่าว ได้หันเหสู่บทบาทพิธีกร ทำให้เธอต้องปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอีกมากมาย ในรอบกว่า 10 ปีอีกเช่นกัน
“ในตอนแรกยากมากเลยนะ เพราะเราถูกหลอมให้เป็นคนแข็งๆ คนข่าวยิ้มไม่เป็น ต้องฝึกยิ้มหน้ากระจกทุกวัน ยิ่งตอนดูตัวเองในจอ คือไม่มีเสน่ห์เลย ทุกอย่างไม่มาจากความสุขข้างใน ดังนั้น เราบอกตัวเองเลยว่าต้องพยายามเรียนรู้ ‘ต้องหาตัวเองให้เจอ’ นี่คือจุดเด่นของการเป็นพิธีกร ก็หากันนานกว่า 2 ปีเลย แต่ดีที่ได้เจอนะ มันทำให้เรามีความสุขมากขึ้น จนรู้สึกว่าโชคดีมาก กับการที่เราเป็นผู้ประกาศข่าวมา 10 ปี และเป็นพิธีกรมาอีก 10 ปีจะบอกว่า 2 ส่วนนี้มันเบลนผสมกัน ให้เราเป็นคนที่ไม่แข็งหรืออ่อนจนเกินไป เราเป็นผู้ประกาศข่าวที่สามารถเป็นพิธีกรได้ ขณะเดียวกันเราเป็นพิธีกรที่มีทักษะเรื่องข่าว จุดเปลี่ยนตรงนี้ เป็นเพราะเรามองในมุมบวก มากกว่าไปอคติกับมัน เราเลยทำออกมาได้ดี”
เก็บเกี่ยวประสบการณ์ความรู้ งานสายข่าวและพิธีกรมากว่า 20 ปี จนในวันนี้เธอได้ก้าวมาสู่บทบาทผู้บริหารในตำแหน่ง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตรายการและตรวจสอบคุณภาพ ทางสถานีโทรทัศน์PPTV HD ที่เธอก้าวเท้าเข้ามาสมัครด้วยตัวเอง กับบ้านหลังเล็กที่แข็งแกร่ง มั่นคง และทำให้เธอได้ดึงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่
“มาอยู่ที่นี่ต้องดูแลน้องๆ เป็น 10 คน ช่วงแรกๆ ยากมาก ต้องเปลี่ยนบทบาท วิธีคิด การทำงานทุกอย่าง เราลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ให้น้องเห็นเลยว่าเราเดินไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าน้องทำ เรานั่ง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลอมให้เรากับเขาอยู่ด้วยกัน ถ้าพี่ผิด น้องพูดหรือเตือนได้เลย”
ในวันนี้ เธอได้หวนกลับมาคืนจออีกครั้งในบทบาทของคนข่าวในรอบ 12 ปีกับรายการ“โชว์ข่าวเช้านี้” รูปแบบรายการข่าวเช้าที่เธออยากจะทำมาเนิ่นนาน และได้ลงมือทำด้วยตัวเอง คู่กับเพื่อนสนิทอย่าง โก้-ชาญชัย กายสิทธิ์
“ครั้งนี้ถือว่าได้กลับมาทำงานที่ปรายรักอีกครั้ง มีความสุขค่ะ เพราะถึงแม้ว่าปรายจะเปลี่ยนไปรับหน้าที่เป็นพิธีกรมากว่า 10 ปี แต่สิ่งที่เรารักที่สุดก็คือ “การเป็นคนข่าว” รู้สึกว่าใจมันพองโตแล้วได้ทำงานกับโก้ที่เป็นเพื่อนกัน สนิทกันมานาน จึงรู้สึกว่าดีใจและน่าสนุกมาก ไม่ใช่แค่มานั่งทำหน้าที่ให้จบๆ ไป มันมีความกลมกลืน กลมเกลียว และเคมีของเราทั้งสองลงตัว เข้ากันได้ดีมากๆ เชื่อว่าจะเป็นรายการที่ฟังง่าย เข้าใจง่าย และผู้ชมจะมีความสุขที่ได้อยู่เป็นเพื่อนกับเราในทุกๆ เช้า”
จากความตั้งใจทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่และสุดความสามารถมีจุดโฟกัสที่ชัดเจน ทำให้การทำงานกว่า 22 ปีของเธอ เต็มไปด้วยการทำงานอย่างมีความสุข แล้วรักในสิ่งที่เธอทำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี