พระบรมสารีริกธาตุ-สมัยสุโขทัย
แผ่นดินแห่งพุทธภูมินั้นนับถือกันว่าสิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดก็คือ การได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระบรมธาตุ ซึ่งนับถือกันมาแต่ครั้งโบราณว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระมหาธรรมราชาที่นำธรรมะมาสู่มวลมนุษย์เพื่อช่วยให้พ้นทุกข์ในวัฏสงสารจนเป็นที่เคารพนับถือและนำพุทธศาสนาเป็นหลักในการครองแผ่นดิน ด้วยพระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงอธิษฐานไว้ก่อนปรินิพพาน ให้คงเหลือไว้หลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เพื่อให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธบริษัท และผู้เป็นพระธรรมราชาผู้ครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรมได้สักการบูชา “พระบรมสารีริกธาตุ” หรือพระอัฐิธาตุฯสืบต่อไปในกาลภายหน้า
เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุของเก่า
ด้วยเหตุนี้ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจึงปรากฏการสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นมากมาย พร้อมกับการประกาศเป็นพระธรรมราชาเช่นเดียวกับ สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระราชาแห่งธรรมของโลกโดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานไว้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินพุทธธรรม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง พระธาตุเจดีย์เหล่านั้นก็ยังประดิษฐานอยู่มั่นคง แม้พระธาตุเจดีย์จะถูกทำลายก็ยังปรากฏพระบรมธาตุบรรจุในลักษณะต่างๆ เช่น สถูปเจดีย์ ตลับหลายชั้น เจดีย์แก้ว และอื่นๆ ให้เก็บรักษาไว้สักการบูชาจนวันนี้
ในวาระมหามงคลสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 70 ปี และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระชนมพรรษาครบ 7 รอบ กรมศิลปากรโดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์สำคัญสมัยสุโขทัย สมัยล้านนาสมัยอยุธยา และรัตนโกสินทร์ ที่พบในพระธาตุเจดีย์โบราณนั้นมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อให้ประชาชนได้กราบสักการบูชากันจนถึงวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2559 พร้อมกับพิมพ์หนังสือ “กราบบูชาพระบรมสารีริกธาตุเถลิงราชย์นวธรรมราชา” เผยแพร่ความรู้ด้วย
พระบรมสารีริกธาตุ-อยุธยา-วัดราชบูรณะ
พระบรมธาตุ นั้นมีสองลักษณะคือ พระบรมธาตุที่ไม่แตกกระจายมีสัณฐานในลักษณะต่างๆ และพระบรมธาตุที่แตกกระจาย มีขนาดเล็กสุดประมาณเมล็ดพันธุ์ผักกาด พระบรมสารีริกธาตุ เป็นศัพท์ใช้เรียกเฉพาะพระธาตุของพระพุทธเจ้า หากเป็นของพระอรหันตสาวกเรียกว่า “พระธาตุ” เท่านั้น ชาวพุทธเชื่อว่าพระบรมสารีริกธาตุเป็นวัตถุแทนองค์พระบรมศาสดาที่ทรงคุณค่าสูงสุดในศาสนาพุทธ จึงนิยมกระทำการบูชาองค์พระบรมสารีริกธาตุโดยประการต่าง ๆ เช่น การสร้างเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระธาตุไว้สักการะ โดยเชื่อว่ามีอานิสงส์ประดุจได้กระทำการบูชาแด่พระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิษฐานพระธาตุให้กระจายว่า เราอยู่ได้ไม่นานก็จะปรินิพพาน ศาสนาของเรายังไม่แพร่หลายไปในที่ทั้งปวงก่อน เพราะฉะนั้น เมื่อเราแม้ปรินิพพานแล้ว มหาชนถือเอาพระธาตุแม้ขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดทำเจดีย์ในที่อยู่ของตนๆ ปรนนิบัติ จงมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า พระพุทธประสงค์ดังกล่าวนี้ เพื่อให้ศาสนาของพระองค์แพร่หลายไป และผู้ที่เกิดมาภายหลัง ไม่ทันเห็นพระองค์เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ จักได้กระทำการสักการบูชาเพื่อเป็นกุศลแก่ตน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พระบรมสารีริกธาตุแพร่หลายไปยังดินแดนต่างๆ นับแต่หลังพุทธปรินิพพานเป็นต้นมา ซึ่งเป็นเหตุให้บังเกิดพระบรมสารีริกธาตุ (กระดูก) ทั้งที่คงลักษณะเดิมไม่แตกกระจายไปจำนวน 7 พระองค์ เรียกว่า นวิปฺปกิณฺณาธาตุ และแบบกระจัดกระจาย มีสีดอกมะลิ สีแก้วมุกดา และสีเหมือนทองคำ ซึ่งมีขนาดต่างๆกัน รวมจำนวนได้ 16 ทะนาน เรียกว่า วิปฺปกิณฺณาธาตุ จนมีปริมาณให้พระธาตุแพร่กระจายกว้างไกลโดยอัศจรรย์จนวันนี้
พระบรมสารีริกธาตุ-ล้านนา-วัดเจดีย์สูง
พระบรมสารีริกธาตุ-วัดดอกคำ-เชียงใหม่
พระบรมสารีริกธาตุ-อยุธยา-สถูปจำลองพร้อมเครื่องสูง
พระบรมสารีริกธาตุของเก่าที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพระนคร
พระบรมสารีริกธาตุในกรัณฑ์-สมัยรัตนโกสินทร์
สถูปพระบรมสารีริกธาตุ-อยุธยา-วัดราชบูรณะ
ตลับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมัยสุโขทัย
พระบรมสารีริกธาตุ-เจดีย์ศรีสุริโยทัย
พระบรมสารีริกธาตุ-สมัยล้านนา-วัดศรีโขง
เลขาธิการพระราชวังสักการะพระบรมธาตุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี