วันอาทิตย์ ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
Star Retro : เทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯ อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร กับบทบาท ‘พระมหาชนก’

Star Retro : เทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯ อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร กับบทบาท ‘พระมหาชนก’

วันอาทิตย์ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag : อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
  •  

“อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร” จากเด็กต่างจังหวัด ผู้เคยได้ชื่นชมพระบารมีอยู่ไกลๆ นึกฝันว่าสักครั้ง อยากที่จะได้ชื่นชมพระบารมี “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ใกล้ๆ จวบจนเมื่อเขาได้มีโอกาสแสดง “พระมหาชนก” มหานาฏกรรมเฉลิมพระเกียรติ สิ่งนี้กลายเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของชีวิตที่มิอาจลืม และได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาปฏิบัติ รวมถึงถ่ายทอดสู่ทายาทให้เจริญรอยตาม

ในหลวงในความทรงจำ


ท่านเหมือนเทวดามาโปรด เพราะว่าผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเป็นเด็กใต้ บ้านอยู่พัทลุง แต่ว่ามียายอยู่ที่นราธิวาส เลยเหมือนว่าได้อยู่ใกล้โครงการพระราชดำริ อาจจะได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จในหลวงมากกว่าเด็กในกรุงเทพฯ เพราะว่าเราอยู่ในที่ลำบาก ซึ่งเวลาที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ชาวบ้านจะมาตั้งแถวรอเฝ้าฯรับเสด็จ ผมก็มีโอกาสได้ชะเง้อชะแง้มองดูบ้างตามประสาเด็ก อยากเห็นในหลวงตัวจริง จากที่เห็นแต่ในทีวี. หรือในรูปพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่นำเสนอผ่านข่าวในพระราชสำนักมาอย่างยาวนาน ที่ที่พระองค์ท่านมา แปลว่าที่นั่นลำบาก พระองค์ท่านมาแก้ไขปัญหาให้ หรือว่าแก้ไปแล้วก็มาทอดพระเนตรว่าทำได้ตามที่ท่านรับสั่งไหม เสด็จฯมาเพราะมีเหตุผล ผมก็เลยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯรับเสด็จท่านในหลายๆ ครั้ง แต่ว่ายังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปถวายงานอย่างใกล้ชิด

ฝันเล็กๆ ของเด็กหนุ่มต่างจังหวัด

จากที่เราเห็นชาวบ้านที่เขาเป็นตัวแทนเข้าไปรับพระราชทานของ หรือว่าทูลเกล้าฯถวายสิ่งของให้พระองค์ท่าน เราในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็เคยฝันว่าอยากจะมีโอกาสแบบนั้นบ้าง อยากจะรับเสด็จพระองค์ท่านใกล้ๆ บ้าง ซึ่งก็เป็นตอนโตเลยครับ เมื่อครั้งที่สำเร็จการศึกษา และได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน แต่ปีก่อนหน้านั้นจะมีช่วงที่พระองค์ท่านประชวรเลยไม่ได้เสด็จฯมาพระราชทานปริญญาบัตร แต่ว่าพอมาปีผม พระองค์กลับมาพระราชทาน ก็ถือว่าเป็นบุญของเรา อีกครั้งก็คือมีโอกาสได้แสดงละครหน้าพระพักตร์เมื่อปี 2539 เรียกว่าการแสดงแสงสี เสียง “เฉลิมขวัญนพบุรี 700 ปี นครเชียงใหม่” เพื่อฉลอง 700 ปีจังหวัดเชียงใหม่ เราก็ได้เล่นเป็น 1 ใน 3 กษัตริย์ ซึ่งในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จฯด้วยขณะที่ทั้ง 2 พระองค์ทอดพระเนตร ผมตั้งใจเล่นมาก ไม่ได้รู้สึกประหม่าเลยเพราะว่าเราก็ซ้อมกันมาอย่างดี แต่ก็ต้องตั้งใจทำให้ดีเพราะว่าทำเพื่อถวายพระองค์ มีความสุขมากครับ และจำได้ว่าพอทั้ง 2 พระองค์เสด็จฯกลับ เราก็ได้มาตั้งแถวรอส่งเสด็จฯด้วย เรียกว่าได้มีโอกาสถวายงานรับใช้ในฐานะนักแสดง ภูมิใจเป็นอย่างมากครับ

ความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต

เมื่อปี 2549 ผมได้แสดง “พระมหาชนก” มหานาฏกรรมเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เป็นละครเวทีที่เล่นสดวันละ 2 รอบ ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งเล่นต่อกันเป็นสัปดาห์ ก็ค่อนข้างยากในการที่จะหาใครว่าง อย่างผมก็ถ่ายละครกับทาง บริษัท ดีด้า อยู่ด้วยในตอนนั้น แต่พอเขาติดต่อมา ผมรับเลย โดยที่ยังไม่ทันเคลียร์คิว ระหว่างซ้อม ก็พยายามหาวิธีต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงบทได้อย่างลึกซึ้ง เพราะว่าพระมหาชนกเป็นทศชาติของพระพุทธเจ้า และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงปรับและสอดแทรกความเป็นปัจจุบันเข้าไป อ่านแล้วเหมือนเป็นเรื่องราวของพระองค์ท่าน เราก็คิดว่าจะทำยังไงดีที่จะเป็นพระมหาชนก ที่ดูมีสง่าราศีของพระราชา ราศีพระพุทธเจ้า เรื่องบุญญาธิการเราสร้างกันไม่ได้ ให้เราร้องไห้สั่งน้ำตา หรือบู๊เราทำได้ แต่จะทำยังไงให้เราดูสมบทบาท จะไปอัพเกรดตัวเองก็ไม่ได้ สุดท้ายผมเลือกที่จะถือศีลกินเจตลอดตั้งแต่การซ้อมจนถึงเล่นจบรอบสุดท้าย ตอนนั้นรู้สึกสบายใจและตัวเบา การแสดงผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทุกรอบ คนดูเต็มทุกรอบ และมีการเพิ่มรอบด้วย ผมเองก็ต้องไปขอทาง “พี่ลอร์ด” (สยม สังวริบุตร) อีกครั้ง เพราะว่าเราได้บอกเขาไปแล้วว่าเราจะแสดงจบวันนี้ แล้วจะได้เริ่มถ่ายทำละครต่อ ซึ่งพอเราไปปรึกษาทางพี่ลอร์ดก็อนุญาต เขาก็ไปถ่ายทำในส่วนของคนอื่นก่อน และให้เราไปเล่นเพื่อถวายในหลวง ผมรู้สึกว่าถ้าไม่
ได้ทุกคนช่วย คนดูก็จะไม่ได้ดูกันขนาดนี้ หลายคนมาจากต่างจังหวัด แต่ด้วยความอุตสาหะด้วยความรักในหลวง เหมารถนั่งรถบัสกันมาดู เราเองก็รู้สึกปลื้มใจแทนพระองค์ท่าน แล้วเชื่อไหมครับว่าก่อนการแสดงจะมีเพลงสรรเสริญพระบารมี ผมแอบยืนร้องไห้ในความมืดทุกรอบ เพราะว่าในความมืดคนดูเขามองไม่เห็นเรา แต่เราเห็นคนดู เรารู้สึกว่าทำไมคนไทยถึงรักพระองค์มากขนาดนี้นะ เขาไม่ได้มาดูเพราะความสนุกนะ แต่เขามาดูบุญบารมีของในหลวงที่ถูกถ่ายทอดเป็นละครออกมา ผมถือว่าการแสดงพระมหาชนกเป็นความภูมิใจสูงสุดของชีวิตแล้วนะ เพราะว่าเราไม่ได้มีกันบ่อยๆ และพระราชนิพนธ์เรื่องนี้พระองค์ท่านหวงแหนมาก

แม้จะบาดเจ็บแต่ก็แสดงต่อจนจบ

ตอนนั้นเป็นการแสดงปีที่ 2 ครับ คือปีแรกแสดงจบ ผมก็กลับไปถ่ายละครเหมือนเดิม แต่ปีต่อมามีคนเรียกร้อง เพราะว่าคนยังไม่ได้ดูกันอีกเยอะ ทางรัฐบาลก็เลยจัด “พ.ศ.พอเพียง” สัญจร ให้ชมฟรี เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี 2550 ครั้งนี้จะเป็นการไปแสดงตามต่างจังหวัดทุกภาค ซึ่งผมประสบอุบัติเหตุไหล่หลุดระหว่างการแสดงที่เชียงใหม่ แต่ก็พยายามเล่นจนจบ เพราะไม่อยากให้คนดูผิดหวัง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นการแสดงยังคงดำเนินต่อไป ถึงจะเจ็บพอสมควรแต่ผมไม่อยากให้คนดูกลับบ้านไปแบบคาใจ หรือว่าไม่อิ่ม พอแสดงจบ ปิดม่านลง รถพยาบาลก็มารับไปโรงพยาบาลเลย หมอบอกให้งดใช้แขน แต่ว่าการแสดงยังมีอีกจะให้ใครมาเล่นแทน ก็ไม่ได้ เลยต่อรองกับหมอว่าเราจะไม่ยกมือข้างที่ไหล่หลุดคือเราไม่อยากให้คนดูมาดูแล้วรู้สึกว่า อัษฎาวุธไปไหน จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งมากยิ่งขึ้นนะครับ คือผมเข้าใจคำว่าความเพียรคืออะไร ความยากลำบากคืออะไร การเอาชนะความยากลำบากเป็นยังไง ว่ายน้ำไปก็เจ็บไหล่ไป แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความปลาบปลื้มใจอย่างที่สุด

สืบสานพระราชปณิธานในฐานะนักแสดง

ผมได้มีโอกาสแสดงละครเทิดพระเกียรติ อย่างเรื่องแรก คือเรื่อง “ยายหนูลูกพ่อ” เป็นละครเทิดพระเกียรติช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นวันพ่อ แต่ว่าอาจจะไม่ได้พูดถึงพระองค์โดยตรง เนื้อหาพูดถึงความสัมพันธ์ของพ่อและลูก ที่แม้จะไม่ได้สายเลือดเดียวกัน ส่วนอีกเรื่องเป็นละครอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “ฟ้าใหม่” ผมเป็นตัวละครในยุคช่วงเปลี่ยนรัชกาล เหมือนคนเขียนเขาต้องการจะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ แต่ก็กลัวว่าคนจะเบื่อ เลยเล่าเรื่องความรักเข้าไปด้วย ผมเล่นเป็น “เจ้าฟ้ากุ้ง” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ทำให้คนไทยได้เห็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งนอกจากฟีดแบ๊กทางบ้านจะดีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกำลังใจจากคนในวังที่ผมรู้จักมากระซิบบอกว่าเรื่องนี้สมเด็จพระราชินีได้ดูนะ และท่านตรัสชมว่าบทเจ้าฟ้ากุ้งไม่เคยเห็นในเวอร์ชั่นนี้มาก่อน ผมรู้สึกปลื้มใจดีใจ ที่ได้ทราบว่างานทุกงานผ่านพระเนตรของพระองค์ท่านเสมอ

ในฐานะผู้กำกับและผู้สร้างละคร

ละครทุกเรื่องของ บริษัท ดูมันดี เราพยายามจะใส่เรื่องราวของพระราชกรณียกิจ โครงการของในหลวง แอบสอดแทรกเข้าไปให้คนดูรู้ว่าเรารักในหลวงแค่ไหน อย่างเรื่อง “รักคุณเท่าช้าง” ในเรื่องก็จะมีเผ่าภูโชและมี “เขตต์ ฐานทัพ” เล่นเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่มาตามสืบเรื่องราวของพ่อ เพราะว่าพ่อตายในป่า ใครฆ่าก็ไม่รู้โดยมีหลักฐานที่เกี่ยวกับเผ่าภูโช และคนในเผ่านี้ก็มีโอกาสได้มาเรียนได้รับการศึกษา รู้ว่าพระราชาของคนในเมืองสอนอะไรบ้าง เขาก็เลยจะนำเรื่องราวนั้นมาบอกเล่าคนในเผ่าว่าความเมตตาของในหลวงที่มีต่อคนไทยเป็นยังไง ละครเราไม่ได้เป็นละครเทิดพระเกียรติโดยตรง แต่ว่าจะเป็นการบอกเล่าผ่านปากของตัวละคร พอเรามีโอกาสเราก็อยากจะบอกให้โลกได้รู้ว่าในหลวงรักคนไทยแค่ไหน จริงๆ ผมทำละคร คอนเซ็ปต์ของบริษัทไม่ใช่เพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่พยายามจะทำละครที่ให้ทั้งความสนุก แง่คิด คำสอนอะไรต่างๆ ซึ่งมีหลายคำสอนที่มาจากในหลวง ตลอดชีวิตที่เรารับรู้เราซึมซับจากการมองจากการเห็น การฟัง แม้ว่าวันนี้พระองค์ท่านจะไม่อยู่แล้ว แต่ว่าคำสอนของพระองค์ท่านจะยังคงอยู่กับเราตลอดไปด้วยความที่ตัวผมเองจบครุศาสตร์ เพราะฉะนั้นจะมีอารมณ์ความเป็นครูอยู่ในการใช้ชีวิตการคิดงานการทำงาน ฉะนั้นพอเรามีโอกาสได้ทำละคร เราก็พยายามจะสอนคนผ่านละคร ถือเป็นความโชคดีของเราที่ได้มาทำ
ละครสอนคนทีเป็นล้านๆคน ในฐานะคนทำละคร เรามีหน้าที่ทำให้คนเห็นว่าผิดถูกชั่วดีทำแล้วจะได้อะไร สัมมาอาชีพเรา ที่พอจะตอบสนองกับสิ่งที่พระองค์ท่านอยากจะบอกคนในบ้านของท่าน นี่คือในมุมของผมนะครับ

พระราชกรณียกิจที่เห็นจนเจนตา

การที่พระองค์ท่านเสด็จฯเยี่ยมพสกนิกรในถิ่นทุรกันดาร ผมเองเคยไปแจกผ้าห่มไปแจกข้าวของช่วยเหลือคนน้ำท่วม บางทียังรู้สึกว่ายากเหนื่อย หรือไปในที่ที่รู้สึกว่ามันลึกมากแต่ว่ายังมีคนอาศัยอยู่อย่างเช่นชาวเขา ชาวชนเผ่า แต่เขาก็บอกว่าในหลวงเคยมาแล้ว ทุกที่ซึ่งเราไปแค่แว๊บๆ เรายังรู้สึกว่าลำบากมาก แต่ทุกตารางเมตรในประเทศไทย พระองค์เคยเสด็จฯแล้วทั้งสิ้น พระองค์ทรงรู้ว่ามีคนลำบากกว่า และรอพระองค์อยู่พระองค์จึงไป

พระราชดำรัสที่น้อมนำมาปฏิบัติ

มีหลายอย่างมากเลยครับ ทั้งเรื่องของความพากเพียร ซึ่งจำขึ้นใจเลยจากการที่เราประสบจากตัวเองในการแสดงพระมหาชนก และในความพากเพียรเราต้องมีสติปัญญาด้วย เจออุปสรรคต้องไม่ย่อท้อและสุขภาพพลานามัยต้องแข็งแรงสมบูรณ์ ต่อให้คุณฉลาดมาก ขยันมาก แต่ว่าคุณขี้โรคไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น 3 อย่างต้องรวมกัน คือฉลาด มีสติปัญญา มีความรู้ ต้องมีร่างกายที่พร้อมด้วย แล้วพอเรามีความพากเพียรมันก็จะเกิดผล นี่แหละคือสิ่งที่พระมหาชนกในบทพระราชนิพนธ์ซ่อนไว้ และมีอีกพาร์ทหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของต้นมะม่วง 2 ต้น ที่ต้นหนึ่งมีผลกับไม่มีผล ในอันเดิมก็คือประชาชนไปรุมทึ้งต้นที่มีผลจนพังเสียหาย และพระมหาชนกเวอร์ชั่นเก่า ก็ละไปนิพพาน ปล่อยให้ประชาชนลำบาก แต่พระมหาชนกเวอร์ชั่นของพระองค์ คือกลับมาดูแลประชาชน ให้ความรู้ว่าต้นที่มีผลจะดูแลยังไง ให้มีผลเก็บกินได้ยาวนาน ก็เหมือนกับประเทศไทยที่มีทรัพยากรเยอะ แต่ใช้อย่างเดียวไม่รู้จักรักษา ส่วนอีกต้นที่ไม่มีผลก็หาวิธี ซึ่งพระองค์ใช้วิชาการมาสอน มี 9 วิธีที่จะทำให้ต้นไม้สามารถออกผล คือตัดกิ่งทาบกิ่ง ต่อตากับต้นที่มีผล ซึ่งมันเทียบกับอาชีพอื่นๆได้ ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกร มันไม่ใช่เรื่องของปาฏิหาริย์ แต่เป็นเรื่องของวิชาการวิทยาศาสตร์ และอีกหนึ่งอย่างคือเรื่องการทำความดี พระองค์บอกว่าการทำความดีมันยาก แต่ก็ต้องทำไม่งั้นสังคมก็จะมีแต่คนไม่ดี การทำเลวมันทำง่าย อยากทำ ทำปุ๊บเลวเลย แต่ว่าการทำความดีกว่าคนอื่นจะเห็นหรือว่ากว่าจะแสดงผลออกมา ต้องใช้เวลา บางความดีต้องทำเป็นปีๆ กว่าจะเห็นแต่ถ้าคุณไม่ทำก็จะไม่เห็นผลสักที เพราะฉะนั้นพระองค์จึงบอกว่า เริ่มต้นทำความดีเสียตั้งแต่วันนี้

สิ่งที่บอกกล่าวและถ่ายทอดสู่ลูก

ผมไม่ได้จัดครอสเปิดอบรมสอนเป็นข้อๆ นะครับ แต่ถ้าสถานการณ์ในชีวิต มีอะไรเข้ามาแล้วเราสามารถแทรกคำสอนเหล่านั้นได้ เราก็จะสอน อย่างเรื่องการทำความดี หรือว่าการยืนเคารพธงชาติ 8 โมงเช้า 6 โมงเย็นตรงนี้เป็นสิ่งที่เราเห็น บางทีเราก็ทำงานเพลินๆ เขาก็จะเตือนแล้วว่าเพลงชาติมาแล้ว เราก็จะต้องลุกขึ้นยืนพยายามทำให้เป็นนิสัย เวลาอยู่โรงเรียนเข้าแถวเขาก็ยืนเคารพธงชาติอยู่แล้ว แต่ตอนเย็นดูละครพอจะ 6 โมงเย็นเขาก็เตรียมตัวแล้ว และจะเตือนทุกคนในบ้านให้มายืนด้วยกัน (เห็นว่าน้องสิงห์ชอบทาน และสามารถปรุงอาหารซึ่งเป็นเมนูที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทาน ?) คือสืบเนื่องมาจากภรรยาผม (ผาณิต เจียรวิบูลยานนท์) เขาอยากให้ลูกดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องมานั่งรอเราทำอาหาร ก็คิดว่าจะมีเมนูอะไรที่ทำแล้วง่ายมีประโยชน์ ก็เป็นเมนูไข่พระอาทิตย์ ซึ่งพระองค์ท่านมอบให้กับคนไทยโดยเป็นเมนูที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบอาหารพระราชทานสมัยพระเทพฯ ยังทรงพระเยาว์ ซึ่งเป็นเมนูที่ทำง่ายและที่สำคัญคือเด็กๆก็ชอบ กินง่ายรวมทุกอย่างไว้ในนั้น แต่เขาก็จะมีการดัดแปลงใส่นู่นใส่นี่เพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งพอทำเสร็จแล้วเขาก็กินหมดนะ ปกติเวลาเราทำให้หรือว่าซื้อมาให้กินก็มักจะกินไม่หมด แต่พอทำเองก็ต้องกินให้หมด และทำพอดีกิน รู้ว่าตัวเองชอบกินอะไรก็ต้องกินให้หมด เหมือนเป็นอุบายว่าสิ่งที่คุณทำคุณต้องรับผิดชอบ สิ่งที่คุณทำเลอะคุณก็ต้องเก็บกวาด จะบอกให้เขารู้คุณค่าของสิ่งของแต่ละอย่างที่กว่าเราจะหามาได้ครับ

ความภาคภูมิใจในฐานะคนไทย

สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องพูดอะไรเยอะและคนรับรู้ได้ไม่ใช่เฉพาะคนไทยแต่เป็นทั้งโลก รู้ว่าคนไทยรักในหลวงแค่ไหน และคำถามคือทำไมเราถึงรักในหลวง และจงรักภักดีกับพระองค์ท่านได้ถึงขนาดนี้ เพราะตลอด 70 ปี ที่พระองค์ท่านดูแลคนไทยมาท่านทรงงานหนักมาก เราทุกคนเห็น ไม่ว่าเราจะอยู่ในที่ที่พระองค์เสด็จฯไปช่วยเหลือหรือไม่ได้อยู่ เราก็จะเห็นในพระราชกรณียกิจทุกเมื่อเชื่อวัน ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดเป็นคนไทย ที่มีพ่อคนเดียวกันที่ดูแลลูกได้ดีขนาดนี้ ลูกตีกันพระองค์ยังไม่ตำหนิใครเลยพระองค์ทรงเป็นกลาง

โดยส่วนตัวผมเคยเกเร แต่ไม่ได้ถึงขนาดว่าไปตีรันฟันแทงแค่โดดเรียนเราก็รู้สึกว่าเราเกเรแล้ว แต่พ่อผมกลับไม่พูดทั้งๆ ที่รู้ ตรงนั้นทำให้เรายิ่งรู้สึกผิด เราจะไม่ทำอีกแล้ว ซึ่งก็เหมือนกันนี่คือสิ่งที่พ่ออยากให้ลูกเข้าใจ โอเคคุณอาจจะใช้อารมณ์ก็เลยเกิดการทำร้ายกัน แต่พอเขาตายไปแล้วคุณอาจจะรู้สึกเสียใจในสิ่งที่คุณทำลงไป สำหรับบางคนมันเหมือนตกนรกทั้งเป็น อยากจะได้โอกาสในการแก้ตัว พระองค์ท่านก็ให้โอกาสถ้าเราเป็นเขาเราได้โอกาสนั้นเราจะไม่ทำความเลวอีกเลย เราจะทำแต่ความดี แต่ในอีกมุมหนึ่งถ้าคุณยังไม่เคยทำชั่ว คุณก็อย่าทำให้พ่อเสียใจอย่าเผลอให้ด้านมืดมาครอบงำ อย่าให้ความโลภมาบังคับให้คุณเลว เพราะว่าพ่อจะเสียใจ ท่านรักพวกเรามาก รักโดยไม่ลำเอียง ในฐานะลูก ในฐานะคนไทย อย่าตีกันเลย รักและสามัคคีกันจะดีกว่า ต่อให้ท่านไม่อยู่แล้วแต่ผมเชื่อว่าท่านอยู่บนสรวงสวรรค์และมองเราอยู่ครับ

กุหลาบสีเงิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

วิเคราะห์ 7 ข้อตีแสกหน้า‘ภูมิธรรม’ เบี่ยงประเด็นโต้ครหา‘นายกฯ’ใช้เงินหลวงไปต่างประเทศ

’มิ้งค์‘คิวร้อน! ทะลุตัดเชือกชิงแชมป์โลก

หงส์เปิดบ้านฉลองแชมป์ลีก!เช็คเงื่อนไขล่าตั๋วยูซีแอลนัดสุดท้าย

นาทีชีวิต! กู้ภัยช่วยหญิง พยายามโดดสะพานพระราม4

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved