ดร.สุรัตน์ จงดา บรรยายประกอบการแสดงเรื่อง “ฉากประทับใจในโขนพระราชทาน”
พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดกิจกรรมบรรยายประกอบการแสดงเรื่อง “ฉากประทับใจในโขนพระราชทาน” โดยได้รับเกียรติจากอาจารย์ ดร.สุรัตน์ จงดา หนึ่งในคณะกรรมการโขนพระราชทาน ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มาเป็นวิทยากรในการบรรยายประกอบการแสดง ฉากประทับใจในโขนพระราชทานจะคัดเลือกฉากที่มีตัวละครเอกของการแสดงโขนอัน ได้แก่ ตัวพระ ตัวนาง ตัวยักษ์ และตัวลิงมาร่วมถ่ายทอดความงดงามของกระบวนท่ารำ ความวิจิตรของเครื่องพัสตราภรณ์ และความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ที่ห้องโถง พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ทั้งนี้ ภายในงานบรรยายยังได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ ร่วมสาธิตท่วงท่ารำอันงดงามที่สื่อถึงการแสดงอารมณ์ของตัวละครโขนให้ได้รับชมกัน ได้แก่ ครูรัจนา พวงประยงค์ศิลปินแห่งชาติ สาขานาฏศิลป์ไทยละครนาง ผู้ถ่ายทอดตัวละครนางเบญกาย และครูจตุพร รัตนวราหะ ศิลปินแห่งชาติ สาขานาฏศิลป์ไทย ผู้ถ่ายทอดตัวละครทศกัณฐ์ ฉากทศกัณฐ์เกี้ยวนางเบญกาย ซึ่งเป็นฉากที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งชมว่า “ทศกัณฐ์น่ารักมาก”
ครูรัจนา พวงประยงค์ และ ครูจตุพร รัตนวราหะ ศิลปินแห่งชาติ สาธิตท่วงท่ารำอันงดงาม ฉากทศกัณฐ์เกี้ยวนางเบญกาย
ดร.สุรัตน์ จงดา ศิลปิน และครูนาฏศิลป์ กล่าวว่า “จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้อนุรักษ์และสืบสานการแสดงโขนให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโขน และงานหัตถศิลป์แขนงต่างๆ ได้ช่วยกันรื้อฟื้นการแสดงโขนตามโบราณราชประเพณี จวบจนปีนี้การแสดงโขนพระราชทานได้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 แล้ว ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนจนต้องเพิ่มรอบการแสดงขึ้นทุกปี
“แต่ละปีก็มีฉากประทับใจในการแสดงโขนพระราชทานที่ได้รับการกล่าวขานถึงจากผู้ชม เช่น ชุดพรหมาศ ฉากช้างเอราวัณ ซึ่งหลายคนประทับใจในความวิจิตรตระการตาของฉากที่มีความสวยงามอลังการ โดยเฉพาะช้างเอราวัณที่มีขนาดใหญ่มากจนต้องแยกเป็น 3 ส่วน เพื่อให้สามารถเข้าประตูของศูนย์วัฒนธรรมได้ ซึ่งโขนชุดพรหมาศนั้นเคยมีการจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ ในสมัยรัชกาลที่ 7 ใน พ.ศ.2473 เพื่อรับผู้สำเร็จราชการจากประเทศอินเดีย และสหราชอาณาจักรที่โรงละครหลวงสวนมิสกวัน โดยครั้งนั้นช้างเอราวัณถูกชักรอกขึ้นเหาะได้จริงๆ เรียกได้ว่ามีความยิ่งใหญ่กว่าที่เราจัดแสดงในปัจจุบันเสียอีก โดยหลักฐานของการแสดงโขนครั้งนั้นได้รับการบันทึกไว้ในภาพยนตร์ส่วนพระองค์ในรัชกาลที่ 7
การแสดงตอนนางลอย ฉากทศกัณฐ์เกี้ยวนางเบญกาย
“ส่วนการแสดงโขน ชุดนางลอย ฉากขบวนวอสีวิกากาญจน์แห่นางเบญกาย ที่ผู้ชมส่วนใหญ่จะประทับใจความสวยงามของฉาก ซึ่งได้แรงบันดาลใจในฉากนี้มาจากภาพเขียนของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต โดยใช้คำบรรยายบทจากกรมหลวงนริศรานุวัตติวงศ์ ที่ทรงทำเป็นบทคอนเสิร์ต ทรงนำรามเกียรติ์ที่เป็นวรรณกรรมดั้งเดิมมาปรับปรุงเป็นคอนเสิร์ต ซึ่งแต่เดิมการแสดงโขนนั้นจะใช้การพากย์เพียงอย่างเดียว แต่ภายหลังจากสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เริ่มมีการนำคำร้องของละครมาใช้ เพื่อจะรับแขกเมืองซึ่งเป็นพระราชอาคันตุกะที่มาเยือนประเทศไทย และต่อมาจึงมีการบทคอนเสิร์ตมาเล่นเป็นบทโขนในยุคหลัง”
ดร.สุรัตน์ กล่าวเสริมว่า การแสดงโขนพระราชทาน นอกจากเครื่องแต่งกายที่งดงาม ท่วงท่าการรำที่อ่อนช้อย รวมถึงการเนรมิตฉากอันวิจิตรตระการตาแล้วทีมงานยังต้องระดมสมองช่วยกันสร้างสรรค์เทคนิคสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการแสดงโขนพระราชทาน ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องชวนติดตาม เป็นที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ เช่น ตอนเผานางสีดาจำแลง ซึ่งมีการนำเทคนิคละครเวทีของต่างประเทศนำมาประยุกต์ใช้ด้วย โดยมีการซ่อนกองตู้ไว้ในกองฟอน โดยให้มีนักแสดงอีกคนที่แต่งตัวเป็นนางเบญกายนอนอยู่ตู้ที่ด้านหน้าเป็นจอแอลอีดี เมื่อยกร่างนางสีดาจำแลงไปเผาไฟบนกองฟอนแล้ว นางเบญกายที่ซ่อนอยู่ในตู้ด้านล่างก็เหาะขึ้นมาในทันทีทันใด เพื่อสร้างความตื่นตาและความประทับใจให้ผู้ชม ทั้งหมดนี้จึงแสดงเห็นได้ว่ากว่าจะมาเป็นแต่ละฉากที่ผู้ชมประทับใจ ต้องผ่านการระดมความคิดในทุกๆ ด้าน รวมถึงความทุ่มเทแรงกายแรงใจของนักแสดงทุกคน
การแสดงตอนศึกมัยราพณ์ ฉากหนุมานพบมัจฉานุ
“ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทำให้การแสดงโขนได้พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ส่งผลให้มีประชาชนทั่วไปหันมาสนใจโขนกันมาก รวมถึงเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมคัดเลือกเป็นตัวแสดงโขนที่เพิ่มขึ้นทุกปี และในอนาคตคิดว่าคนในรุ่นต่อไป ก็จะช่วยกันดูแลพัฒนาและต่อยอดขึ้นไปอีก” ดร. สุรัตน์ กล่าวปิดท้าย
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ครั้งต่อไป สามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เฟซบุ๊ค www.faceboom.com/qsmtthailand อินสตาแกรม @queensirikitmuseumoftextiles
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี