ม.ร.ว.ยงยุพลักษณ์ เกษมสันต์ เล่าว่า“ในฐานะที่เคยเป็นอาจารย์อยู่ในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯมาก่อน ซึ่งในยุคนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงอยู่ในช่วงที่เสด็จพระราชดำเนินในที่ต่างๆ มากมาย มีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังคือ เรื่องมูลนิธิราชประชาสมาสัยเนื่องมาจากการที่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ แล้วได้ทรงมีพระราชปณิธานไว้ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ประโยคสั้นๆ นี้ค่ะก็ทำให้พระองค์ได้เสด็จไปในที่ต่างๆ ได้ไปทอดพระเนตรถึงความยากลำบากต่างๆ ของประชาชน
อันนี้เป็นสิ่งที่เชื่อว่า พอเวลาคนเริ่มเห็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสัมผัสกับคนพวกนี้ได้ ก็ทำให้ความคิดที่เคยกลัวมากๆ เริ่มเปลี่ยนไป แล้วก็ทรงแสดงน้ำพระทัยที่ทรงมีต่อชีวิตทุกชีวิต ว่าเป็นชีวิตที่ท่านจะต้องทรงดูแลปกป้อง นี่ค่ะเป็นสิ่งที่ประทับใจมากเหลือเกินพูดถึงทีไรก็อยากจะร้องไห้ทุกที
ซึ่งคำว่า แม่ มันจะเป็นสิ่งซึ่งกินใจที่สุดสำหรับผู้ที่เป็นแม่ทุกคน แล้วก็ความรู้สึกของเลือดในอกที่เรียกเราคำนี้นะคะ แล้วทั้งสองพระองค์สนิทกันมากเพราะว่าสมเด็จพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ ขณะในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระเยาว์มาก ประมาณพระชนม์ได้3 ชันษาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นสมเด็จพระราชชนนีจึงทรงเป็นยิ่งกว่าแม่ ท่านทรงเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ที่อบรมลูกมาเป็นพระเจ้าแผ่นดินได้ถึง 2 พระองค์
ภาพหนึ่งที่ทุกคนคงประทับใจมากคือ ภาพของคุณยายท่านหนึ่งศีรษะขาวหมดเลย แล้วก็บนหัวถือดอกบัว ซึ่งเหี่ยวมากแล้ว เพราะว่ามาเฝ้าฯรับเสด็จนานมาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระวรกายลงไป ดูในรูปจมูกของพระองค์นะ หรือว่าพระนาสิกของพระองค์อยู่บนหัวของสตรีคนนั้นเลย ซึ่งจริงๆ แล้วบางคนอาจจะบอกว่า อาจจะมีกลิ่น อาจจะมีความน่ารังเกียจอะไรก็แล้วแต่ เพราะเป็นคนจน แต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่เลย แล้วก็อีกรูปหนึ่งซึ่งทุกคนก็จะประทับใจมากคือ ประทับนั่งกับพื้นโดยที่ไม่มีเสื่อ ไม่มีพรม ตรัสกับชาวบ้าน ซึ่งไม่มีใดๆ ทั้งสิ้น ทำพระองค์เหมือนกับพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของพสกนิกรของพระองค์เลย พระราชทานความใกล้ชิดสนิทสนมมาก
แล้วนอกจากนั้นพระองค์ท่านยังทรงมีความรู้สึกว่า พระองค์ท่านก็เหมือนกับประชาชนของพระองค์ เป็นชีวิตหนึ่งเหมือนกัน พระองค์ท่านถึงพระราชทานความเป็นกันเองให้กับราษฎรขนาดนั้น แล้วก็เป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งขอบอกว่าในโลกนี้ไม่มี เพิ่งจะมามีตามขึ้นอีกองค์ก็เจ้าชายจิกมีเท่านั้นเอง ที่ได้พระราชทานความสนิทสนม ความเป็นกันเองให้กับประชาชน เสมือนหนึ่งว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนเหมือนกัน อันนี้ก็ต้องขอยกย่องเทิดทูนสมเด็จพระราชชนนีได้ทรงเลี้ยงมาอย่างวิเศษที่สุด ไม่มีกษัตริย์ที่ไหนในโลกจะเป็นอย่างนี้อีกแล้ว
ต้องบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ เป็นเพราะว่าสมเด็จพระราชชนนีทรงเลี้ยงดู ทรงอภิบาลพระราชโอรส พระราชธิดาได้เป็นอย่างดี เหมือนสิ่งหนึ่งที่คุณสมเถาสุจริตกุล เขียนคำตอบให้กับฝรั่งบอกว่า พระเจ้าแผ่นดินของไทยทรงเป็นเทพ แต่เป็นเทพที่ทรงใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ปกติ เพราะฉะนั้นมนุษย์ปกติจึงได้รัก จึงได้เทิดทูน และจึงได้รู้สึกว่าหวงแหนพระองค์ท่านอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ปกติแล้ว ถ้าเป็นพวกระบบของกษัตริย์ฝรั่งเขาอาจจะมองว่า กษัตริย์ไม่จำเป็นต้องลงมาทำถึงขนาดนี้ เพราะว่ามีหน่วยงานอื่นๆ ที่จะทำให้อยู่แล้ว แต่ใครจะทำถวายได้ดีเท่ากับทรงงานด้วยพระองค์เอง ไม่มีอีกแล้วค่ะ
เวลาเห็นภาพเสด็จพระราชดำเนินบนภูเขาเป็นลูกๆ ลุยลงไปในลำธาร หลายๆ คนบอกว่านี่เป็นภาพที่ไม่สามารถที่จะหากษัตริย์ที่ไหนทำแบบนี้ได้อีกแล้ว ทรงขับรถเองลุยน้ำไปขนาดนั้น น้ำท่วมประมาณครึ่งคันเลย ซึ่งแลนด์โรเวอร์คันนั้นยังเก็บกันอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นความประทับใจที่คนไทยหรือชาวโลกก็ตามที่ได้เห็นพระราชกรณียกิจทั้งหมดนี้ ก็ปลาบปลื้มและประทับใจ แล้วก็ดูทุกครั้งก็คิดถึง ดูทุกครั้งก็ร้องไห้ ขณะเดียวกันทุกคนก็รู้ว่านี่คือ สิ่งที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแนวทางไว้ให้คนไทยได้เดินตามรอย ก็หวังว่าคนไทยจะได้ดูแบบอย่างจากพระองค์ แล้วก็ช่วยกันพัฒนาสังคมไทย สำหรับพี่พระองค์ท่านไม่ได้เสด็จฯไปไหนเลย พระองค์ท่านทรงอยู่ในใจตลอดเวลา พระองค์ท่านไม่เคยจากเราไปไหนเลย พระองค์ท่านประทับอยู่ข้างในใจตลอด”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี