แลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างแพทย์และคุณแม่ที่มีลูกป่วยเป็นโรค LSD
โรคที่มีการสะสมของสารในไลโซโซม (Lysosomal Storage Disease) หรือที่รู้จักกันว่า โรคแอลเอสดี(LSD) เป็นหนึ่งในโรคหายากซึ่งมีอุบัติการณ์เท่ากับ 1 ต่อ 7,700 แม้จะไม่อันตรายถึงชีวิตที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ที่เป็นโรคนี้รวมถึงผู้ที่ต้องดูแลในงานชุมนุมผู้ป่วยโรคพันธุกรรมแอลเอสดี สัญจรครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเชียงใหม่ จัดโดย มูลนิธิพันธุกรรมแอลเอสดี ร่วมกับสาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีหลายกระบอกเสียงจากคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกป่วยเป็นโรค LSD ร่วมพูดคุยกันว่าเรามารวมตัวกันเพื่อสร้างโอกาสเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับผู้ป่วยด้วยโรค LSD ซึ่งบางโรคถึงมีทางรักษาแต่เข้าไม่ถึง สำคัญสุดคือ อยากผลักดันให้นำยารักษาโรคแอลเอสดีเข้าสู่ระบบบัญชียาหลักแห่งชาติซึ่งเป็นความหวังสูงสุดของครอบครัวที่ประสบปัญหากันในขณะนี้
ผศ.พญ.ทิพยวิมล ทิมอรุณ สาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงที่มาของกลุ่มโรค LSD ว่าเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากการขาดเอนไซม์ที่ใช้ในการสลายสารโมเลกุลใหญ่ในเซลล์ ทำให้สารเหล่านั้นสะสมอยู่ในเซลล์ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย หากสะสมในม้ามจะทำให้ม้ามโต หรือสะสมในกระดูก กระดูกจะผิดรูป รวมถึงซีดและเลือดออกง่าย กลุ่มโรค LSD มีมากกว่า 50 โรค ถึงแม้ว่าเป็นโรคพันธุกรรม แต่แรกเกิดมักไม่มีอาการผิดปกติ อาการแสดงจะเริ่มเห็นหลังจากรอระยะเวลาให้สารในเซลล์สะสมมากพอจนมีผลต่ออวัยวะนั้นๆ ดังนั้นอาการเป็นได้ตั้งแต่วัยเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่
“ปัจจุบันกลุ่มโรค LSD ที่มีอาการรุนแรงพบอาการได้ตั้งแต่เด็กเล็กโรคที่พบบ่อยๆ ในประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มโรคเอ็มพีเอส (MPS, Mucopolysaccharidosis) อาการที่ข้อและกระดูก ข้อติดยึด นิ้วมือยืดไม่สุดทำให้การหยิบจับยากขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนไปจากตอนเด็กๆ ตัวเตี้ย หัวใจโต ตับโต มักมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ บางคนมีปัญหาพัฒนาการถดถอยทำให้สุดท้ายช่วยเหลือตนเองไม่ได้ โรคโกเชร์ (Gaucher) มักเริ่มจากตับม้ามโตมากซีด เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำทำให้ติดเชื้อและเลือดออกง่าย บางรายมีอาการพัฒนาการถดถอย และ โรคพอมเพย์ (Pompe) รายที่มีอาการรุนแรงจะเริ่มมีหัวใจโตนำไปสู่ภาวะหัวใจวายตั้งแต่อายุ 3 เดือนแรก ภายหลังจะมีปัญหากล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง หายใจลำบาก รายที่เป็นแบบอาการเกิดภายหลัง มักมีอาการกล้ามเนื้อแขนขา และการหายใจอ่อนแรงเริ่มมีอาการตอนวัยเรียน”
นายบุญ พุฒิพงศ์ธนโชติ
ผศ.พญ.ทิพยวิมล กล่าวถึงวิธีการรักษากลุ่มโรค LSD ในประเทศไทยว่า ปัจจุบันการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด เป็นอีกทางเลือกของผู้ป่วยโดยเฉพาะโรคโกเชร์ ชนิดที่ 3 ที่มีอาการทางระบบประสาท ซึ่งเอนไซม์ทดแทนไม่สามารถป้องกันอาการทางระบบประสาทได้ และกลุ่มโรค MPS ซึ่งผู้ป่วยไทยยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาเอนไซม์ทดแทนได้เนื่องจากไม่ได้ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ ดังนั้นการปลูกถ่ายฯ ในกลุ่มโรค LSD ซึ่งควรรักษาก่อนที่มีอาการทางระบบประสาท หรือเร็วที่สุดก่อนมีอาการอื่นๆ มากขึ้น เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายด้าน เช่น การหาไขกระดูกที่เข้ากันกับผู้ป่วย อีกทั้งทีมแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญมีจำกัด และต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการเฉพาะโรค จึงเป็นเหตุให้การรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกยังไม่สามารถทำได้ในทุกที่ และมีค่าใช้จ่ายสูง
“สำหรับวิธีป้องกันการเกิดโรคซ้ำในครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ที่จะมีบุตรจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนเริ่มตั้งแต่การตรวจสุขภาพ ตรวจหาตำแหน่งของยีนหรือสารพันธุกรรมที่ผิดปกติ หากทราบผลแล้วในครอบครัวนั้นจะสามารถตรวจวินิจฉัยโรคตั้งแต่ในครรภ์ได้โดยการตรวจน้ำคร่ำเพื่อดูตำแหน่งยีนที่ผิดปกตินั้นๆ หรืออาจใช้เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ในการคัดเลือกตัวอ่อนที่ไม่เป็นโรคในการตั้งครรภ์ต่อไป และแนะนำตรวจหายีนแฝงให้คนในครอบครัวผู้ป่วย เนื่องด้วยโรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หมายความว่าพ่อแม่น่าจะมียีนแฝงของโรคด้วย ซึ่งคนที่มียีนแฝงจะไม่มีอาการ แต่มีโอกาสเสี่ยงในการมีลูกเป็นโรคได้ โดยแต่ละโรคความเสี่ยงไม่เท่ากัน ดังนั้นควรได้รับคำแนะนำการวางแผนครอบครัวจากแพทย์สาขาเวชพันธุศาสตร์ซึ่งมีประจำอยู่ในหลายสถาบัน”
ผศ.พญ.ทิพยวิมล ทิมอรุณ
ด้าน นายบุญ พุฒิพงศ์ธนโชติ ประธานมูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดี กล่าวว่า “ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ได้บรรจุให้โรคโกเช่ร์ ชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่มีปัญหาด้านพัฒนาการและระบบประสาทให้ได้รับยาเอนไซม์ทดแทนขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว มูลนิธิยังคงมุ่งมั่นและผลักดันโรคอื่นๆ ต่อไปเพื่อเป็นความหวังเป็นโอกาส และเป็นกำลังใจ ให้กับครอบครัวผู้ป่วยที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอายุยืนยาวขึ้นต่อไป มูลนิธิหวังว่าเอนไซม์ทดแทนที่ใช้รักษาโรคในกลุ่มโรคLSD อื่นๆ เช่น กลุ่มโรค MPS, โรคพอมเพย์ และโรคโกเชร์ ชนิดที่ 3 จะได้รับการขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติในอนาคตอันใกล้รวมถึงการคิดค้นวิธีการรักษาใหม่ๆ ที่สามารถป้องกันผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองได้”
สำหรับผู้ที่สนใจ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความหวังและสร้างโอกาสให้กับผู้ป่วย LSD และครอบครัวของผู้ป่วย สามารถบริจาคได้ที่ชื่อบัญชี “มูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดี” ธนาคารกสิกรไทยหัวหมาก บัญชีออมทรัพย์เลขที่078-2-53947-9 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.lsdthailand.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี