Pet care : Heatstroke อันตรายที่มากับหน้าร้อน

Pet care : Heatstroke อันตรายที่มากับหน้าร้อน

วันอาทิตย์ ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.

เพิ่งจะผ่านช่วงสงกรานต์มาหมาดๆ แต่ความร้อนและความอบอ้าวก็ยังมีอยู่เต็มๆ เพราะเดือนเมษายนจัดเป็นเดือนที่ร้อนสุดๆ สำหรับบ้านเรา การที่แดดจัดร่วมกับอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อย นั่นก็คือการ “ช็อก” หมดสติเนื่องจากภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสูงผิดปกติ หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่า “โรคลมแดด” ผมเลยอยากเอาเรื่องนี้มาคุยกันอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ระมัดระวังกันทั้งตัวเจ้าของเองและสัตว์เลี้ยงด้วยครับ

ความหมายของ Heatstroke ในภาษาไทยนั้น อาจเรียกกันได้หลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น โรคลมแดด โรคลมร้อน โรคลมเหตุร้อน  ซึ่งมาจากคำว่า Heat และ Stroke โดยที่ Heat หมายถึง ความร้อน อุณหภูมิร้อน Stroke คือการเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หรือการอุดตันหรืออุดกลั้นการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ดังนั้นคำนิยามในภาษาไทยทั้งในวงการแพทย์และวงการสัตวแพทย์ มักจะหมายถึง “การหมดสติที่มีสาเหตุมาจากอากาศ หรืออุณหภูมิภายนอกที่สูงขึ้น” 


โรคนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ?

โรคลมแดด เป็นสภาวะที่เกิดจากการที่อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป อันมาจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่ร้อนจัด จนทำให้ร่างกายระบายความร้อนออกไปไม่ทัน มีผลทำให้อวัยวะภายในถูกทำลายและหยุดทำงาน โดยเฉพาะตับ ไต สมอง และลำไส้ เป็นเหตุให้สัตว์เสียชีวิตได้ในที่สุด

แล้วโรคนี้เกิดในสัตว์เลี้ยงได้ด้วยหรือ?

บางท่านอาจคิดว่า โรคลมแดดพบเฉพาะในคนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกท่านทราบหรือไม่ครับว่า สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขและแมวนั้นมีโอกาสเป็นโรคลมแดดได้ง่ายกว่าในคนเสียอีกนะครับ เนื่องจากผิวหนังของสุนัขนั้นถูกปกคลุมด้วยขนที่หนา อีกทั้งผิวหนังของสุนัขและแมวก็ยังไม่มีต่อมเหงื่อที่จะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายโดยเหงื่อเหมือนในคนอีกด้วย (เนื่องจากเราสามารถพบต่อมเหงื่อได้เฉพาะที่อุ้งเท้า รอบปาก และรอบก้นของสุนัขเท่านั้น) ดังนั้นกลไกการระบายความร้อนออกจากร่างกายของสุนัขจึงไม่ดีเท่าของคน

โดยปกติสุนัขจะมีอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 102 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 38.5 องศาเซลเซียส (ซึ่งอุณหภูมิจะสูงกว่าในคนเรา) แต่ถ้าร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 106 องศาฟาเรนไฮต์ จะทำให้สมองเกิดความเสียหาย อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้ครับ

ปัจจัยที่ทำให้สัตว์มีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างเร็วนั้น ได้แก่ อากาศที่ร้อนจัด การถูกล่ามหรือถูกขังตากแดดเป็นเวลานาน รวมถึงการออกกำลังกายอย่างหนักกลางแจ้ง เป็นต้น          

เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ร่างกายสัตว์จะพยายามปรับตัวโดย “การอ้าปากหายใจถี่ๆ”  เพื่อขับไล่ความร้อนออกจากร่างกาย  ดังนั้น “การหอบ” จึงเป็นทางระบายความร้อนที่ดีและเร็วที่สุดสำหรับสุนัขครับ

อันตรายที่เกิดจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในสุนัขอ้วน สุนัขพันธุ์ขนยาว และสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น Pug และ Bulldog เป็นต้น

อาการที่พบเป็นอย่างไร ? 

อาการที่พบ ได้แก่ การหอบ หายใจเร็ว ลิ้นและเหงือกแดงเข้มกว่าปกติ กระวนกระวาย ตัวร้อน ตาเหลือก น้ำลายไหล ลุกไม่ไหว ม่านตาขยาย มองไม่เห็น อาเจียน ถ่ายเหลว ช็อก และหมดสติในที่สุด

เราควรปฐมพยาบาลอย่างไร ?

1.รีบนำสุนัขออกจากบริเวณที่ร้อนนั้น นำเข้าที่ร่ม หรือที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เปิดพัดลมหรือแอร์เพื่อระบายความร้อน ถอดเสื้อและปลอกคอออกแล้วรีบนำส่งสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด        

2.ระหว่างนั้นให้พยายามลดอุณหภูมิของร่างกายของสุนัข โดยเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น อาบน้ำ หรือใช้ Cold pack ประคบตามข้อพับ ท้อง ศีรษะ และขาหนีบควรวัดอุณหภูมิทุกๆ 5-10 นาที เพื่อตรวจว่าอุณหภูมิของร่างกายลดลงแล้วหรือยัง

3.ถ้าสุนัขยังมีสติอยู่ สามารถให้สุนัขกินน้ำได้ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายและลดภาวะแห้งน้ำ (dehydration) แต่หากสุนัขไม่รู้สึกตัว “ห้าม” บังคับป้อนน้ำเด็ดขาดเพราะอาจทำให้สุนัขสำลักและเสียชีวิตได้เร็วขึ้น

4.สิ่งที่สำคัญ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

หลักในการรักษาคืออะไร ?

1.การลดอุณหภูมิของร่างกายสุนัขให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย

2.การให้สารน้ำเพื่อแก้ไขภาวะการขาดน้ำ และการให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ

3.การให้ยารักษาตามอาการ

4.การติดตามและการเฝ้าระวัง ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะช็อก การหายใจที่ผิดปกติ ภาวะไตวาย ความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

เราจะป้องกันการเกิดโรคลมแดดได้อย่างไร?

1.จัดที่อยู่ของสัตว์ให้อยู่ในสถานที่ที่เย็นสบาย มีร่มเงาตลอดทั้งวันเลี่ยงการล่ามสุนัขในบริเวณที่มีความร้อนสูง เช่น พื้นคอนกรีต หิน หรือทราย

2.ในช่วงอากาศร้อนจัด ต้องระมัดระวังเรื่องการออกกำลัง โดยเฉพาะสุนัขที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เป็นโรคหัวใจ อ้วน อายุมาก หรือมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ

3.ควรมีภาชนะบรรจุน้ำสะอาดให้สัตว์กินอย่างเพียงพอตลอดเวลา

4. “ห้าม” ปล่อยสุนัขทิ้งไว้ในรถ แม้จอดไว้ในที่ร่ม เพราะอุณหภูมิภายในรถสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อย่าชะล่าใจหรือคิดว่าไม่เป็นไร แม้จะเป็นเวลาไม่นานก็ตาม

5.ควรพิจารณาและระวังเป็นพิเศษในการใส่ Muzzle หรืออุปกรณ์ที่ใช้ปิดปากในช่วงอากาศร้อน เพราะจะทำให้สุนัขหายใจเพื่อระบายความร้อนได้ลำบากยิ่งขึ้น

6.ในวันที่อากาศร้อนจัด ควรอาบน้ำให้สุนัขเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย

ขอเรียนย้ำว่า นอกจากสุนัขแล้ว สัตว์เลี้ยงอื่น ก็สามารถประสบปัญหา “โรคลมแดด” ได้เช่นกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็น แมว หนูหรือกระต่าย “วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ ให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก โดยอยู่ในตัวบ้าน หรือในที่ร่ม และปฏิบัติตามคำแนะนำที่ผมได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น” ก็จะสามารถป้องกันสัตว์เลี้ยงของเราให้ห่างไกลจากโรคลมแดดได้แล้วล่ะครับ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร

คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top