รายการเปรี้ยวปาก เช็คอิน ฉลอง ยิ่งใหญ่ครบรอบ 14 ปี จัดงาน “เปรี้ยวปาก Festival 2018” รวบรวมกว่า 50 ร้านอร่อยที่เคยออกอากาศรายการเปรี้ยวปาก มาไว้ที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ นำทัพโดย 3 พิธีกร เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ และ อร-พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน รวมทั้งร้านอร่อยของเหล่าคนดัง ให้เหล่านักชิมได้ตามรอยสารพัดเมนูชวนเปรี้ยวในที่เดียว
งานนี้ ภริตา วิริยะรังสฤษฎ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทม์ บรอดคาสท์ จำกัด ผู้ผลิตรายการ เปรี้ยวปาก เช็คอิน ขอท้าให้ผู้มาเที่ยวชมงานพกความหิวมาได้เต็มที่ เพราะจะมีสารพันเมนูอร่อยชวนเปรี้ยวปากจากทั่วทุกมุมเมืองมารวมตัวกันอยู่เพียบ อาทิ ร้านตะบันตำ ตำถาดบันลือโลก ตำถาดสุดอลังการย่านปิ่นเกล้าที่มาพร้อมความแซ่บนัว ร้านกูโรตีชาชัก ซอยอารีย์ ของดีอารีย์ โรตีแป้งบางกรอบเสิร์ฟคู่ชาชักสูตรต้นตำรับ ร้าน Holy Cheese แซนด์วิชชีสเยิ้มๆ ไม่อั้น ที่สายชีสห้ามพลาด ร้าน Hotto Bun บันนุ่มๆ ไส้ไก่กรอบชุ่มฉ่ำชิ้นโตชวนฟิน และ ร้านวันดีคาเฟ่ คาเฟ่ไอศกรีมรสขนมไทย ทั้งขนมตาล
น้ำตาลโตนด ครีเอทสุดๆ
นอกจากนี้ ยังมีร้านอร่อยของเหล่าคนดังที่มีทีเด็ดไม่แพ้กันอีกมากมายหลายร้าน อาทิ ร้าน Fablab Café ของ น้องอร-พัทธ์ธีรา พิธีกรรายการเปรี้ยวปากมาเอง พร้อมเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อันเลื่องชื่อร้าน Chub n’ Chew บราวนี่ปั่นสุดฮิตในโซเชียลของ น้องเบลล์-เขมิศรา พลเดช ร้านเนื้อทอดเทวดา เนื้อทอดอร่อยจนหยุดไม่ได้สูตรของ น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา และร้าน Sushi Shin จากหนุ่มบอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นี่แค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้นนะ
ขาชิมห้ามพลาด งาน เปรี้ยวปาก Festival 2018 จัดในวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00-22.00 น. ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์ สแควร์ A ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ให้ได้อิ่มฟินไปกับบรรดาร้านอร่อยตลอด 3 วัน พร้อมเพลิดเพลินไปกับศิลปินนักร้องสุดฮิตขวัญใจวัยรุ่นที่จะมาสร้างเสียงเพลงให้กับงาน นำโดย อิ้งค์-วรันธร, เอิ๊ต-ภัทรวี,แหนม-รณเดช และศิลปินน้องใหม่มาแรง วง Prem และพบความคุ้มค่าสุดๆ กับโปรโมชั่นอิ่มอร่อยในราคาพิเศษจากร้านค้าภายในงาน และกิจกรรมสนุกๆ บนเวทีเปรี้ยวปากอีกมากมาย ลุ้นรับของที่ระลึกจากรายการเปรี้ยวปาก เช็คอิน และของรางวัลอื่นๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน
อัพเดตทุกความอร่อยและกิจกรรมที่น่าสนใจ ในงานได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/Preawpakofficial/
IG : https://www.instagram.com/preawpak_ch3/
Youtube : https://www.youtube.com/user/preawpak
ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป็นข่าวดังอยู่พักใหญ่ เมื่อน้องธันย์-ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ วัย 14 ปี ประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้า MRT ทับขาทั้งสองข้าง จนต้องถูกตัดขา ขณะไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษ ที่ เคมบริดจ์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 1 เดือน
จากสาวน้อยวัยทีนที่กำลังมีชีวิตที่สดใส แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จากเด็กสาวที่มีร่างกายพร้อมสมบูรณ์
ก็มีวีลแชร์และขาเทียมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หากว่าความสูญเสียครั้งนั้นกลับกลายเป็นพลังให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และพร้อมที่จะสร้างกำลังใจส่งต่อให้กับผู้อื่น เห็นได้จากผลงานเขียนเล่มแรก “สุขที่คิดบวก” มาสู่ “วัคซีนคิดบวก” เรื่องราวดีๆ ที่น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ อยากจะมอบให้กับทุกคน
น้องธันย์ บอกเล่าถึงที่มาของผลงานเขียนเล่มที่สอง “วัคซีนคิดบวก” ว่า เนื่องจากได้รับโอกาสจากโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ให้มาทำหน้าที่ “ผู้สำรวจความสุขคนไข้” ซึ่งเป็นโครงการพิเศษที่โรงพยาบาลจัดทำขึ้นเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2560 และสิ้นสุดโครงการไปเมื่อกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา
“หน้าที่ผู้สำรวจความสุขคนไข้ ก็คือการเข้าพูดคุยให้กำลังใจคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ทั้งผู้ที่มารับการรักษาแบบไปกลับ และผู้ป่วยที่นอนพักรักษาที่โรงพยาบาล เพราะการเจ็บป่วยไม่ใช่แค่ทางกายแต่ยังรวมถึงจิตใจที่จะป่วยตามไปด้วย เพราะเมื่อเราเจ็บป่วยความกังวลในโรคไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา ซึ่งถ้ากายป่วยแล้วจิตใจยังป่วยตามก็มีผลต่อการรักษาได้เช่นกัน ธันย์ก็จะเข้าไปพูดคุยสอบถามให้กำลังใจ ไปรับฟังความทุกข์ ความกังวลใจของผู้ป่วยเพื่อให้เขามีกำลังใจที่ดูแลตัวเอง ไม่ใช่แค่ฟังคนไข้รวมถึงญาติที่ต้องมาดูแลผู้ป่วย
ด้วยค่ะ”
ตลอดระยะเวลา 6 เดือนในการทำหน้าที่ “ผู้สำรวจความสุขคนไข้” ไม่ใช่แค่การมอบกำลังใจให้กับผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยเท่านั้น เธอเองก็ได้รับกำลังใจกลับมาเช่นกัน
“ธันย์ได้พบกับคนที่หลากหลายที่แตกต่างกัน ได้ประสบการณ์และมุมมองในชีวิตเพิ่มขึ้น ได้รู้ว่าบางครั้งกำลังใจ
อาจจะไม่ต้องพูดเป็นประโยค แต่การได้จับมือกัน ยิ้มให้กันก็ทำให้เรามีกำลังใจได้แล้ว บางครั้งกลับกลายเป็นว่าผู้ป่วยก็ให้กำลังใจธันย์ด้วย ในแต่ละวันที่ทำหน้าที่ผู้สำรวจความสุขคนไข้ ก็ทำให้ธันย์ได้ข้อคิดดีๆ ทุกวัน ก็จะจดบันทึกไว้ อีกอย่างคือ การทำงานนี้ทำให้ธันย์ได้มีโอกาสเจอคุณหมอที่เชี่ยวชาญโรคต่างๆ ก็ได้ความรู้ในการดูแลตัวเอง พอจบโปรเจกท์นี้ธันย์จึงนำเสนอผู้ใหญ่ของโรงพยาบาลว่าอยากจะแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้ในวงกว้างมากขึ้น จึงเป็นที่มาของหนังสือ วัคซีนคิดบวก ซึ่งธันย์เชื่อว่าผู้ที่ได้อ่านก็จะได้รับกำลังใจ และข้อคิดที่จะเพิ่มพลังด้านบวกไว้สู้กับความอ่อนแอ ความท้อแท้ได้เป็นอย่างดีค่ะ”
แน่นอนว่าการที่ต้องรับฟังเรื่องราวของผู้ป่วยและญาติ ซึ่งส่วนใหญ่คือความเครียด ความทุกข์ เมื่อฟังมากๆ บ่อยๆ ก็อาจทำให้ผู้รับฟังเกิดความรู้สึกร่วม หรือทุกข์ตามไปด้วย และนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อตัวผู้รับฟังเอง
“พอหมดเวลาทำงาน ธันย์ก็จะมีกิจกรรมอื่นให้ทำ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง กินของอร่อยๆ ที่จะช่วยลบอะไรต่างๆ ที่เราได้ยินได้ฟังมาที่เป็นความเครียดทิ้งไป เก็บไว้เฉพาะเรื่องดีๆ เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจิตใจของเราพร้อมที่จะส่งต่อความสุขอีกครั้ง ถ้ามีเวลามากพอธันย์ชอบทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์มาก ตอนนี้ชอบดำน้ำมาก เพราะเหมือนว่าเราได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง และยังเป็นการท้าทายตัวเองด้วยว่า ถึงแม้วันนี้เราจะกลายเป็นผู้พิการ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
แม้โครงการจะจบไปแล้ว แต่ธันย์ก็ยังได้รับโอกาสจากโรงพยาบาลให้ทำหน้าที่ผู้สำรวจความสุขของคนไข้ต่อค่ะ แต่จากเดิมที่ต้องทำงาน 5 วัน ก็เหลือเพียงแค่วันเดียว เพราะต้องแบ่งเวลาให้กับการเรียนที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ธันย์เรียนเอกวารสารฯ วิชาโทจิตวิทยา ตอนแรกอยากเข้าจิตวิทยาโดยตรง แต่ช่วงที่สอบติดหลายอย่าง ก็เลยเลือกเรียนวารสารฯ โชคดีที่ธรรมศาสตร์เขาให้เลือกเรียนได้ 2 คณะ ก็เลยเลือกวิชาโทเป็นจิตวิทยา เพราะอยากมีความรู้ที่เป็นวิชาการเข้ามาเพิ่มเติม เพราะประสบการณ์ชีวิตอย่างเดียวมันอาจจะไม่มากพอที่จะทำหน้าที่นักสร้างแรงบันดาลใจ หรือการให้คำปรึกษาแก่คนอื่น ในอนาคตปริญญาโทก็อาจจะเรียนต่อด้านจิตวิทยา”
ท้ายที่สุด น้องธันย์ ยังมีกำลังใจไปถึงผู้อ่านที่กำลังคิดว่าตัวเองมีความทุกข์ หรือท้อแท้อยู่ในขณะนี้ว่า ความทุกข์
ความสุข เป็นสิ่งที่อยู่กับเราไม่นาน ถ้าใครที่คิดว่าตัวเองทุกข์หรือท้อแท้ ธันย์อยากให้คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันจะอยู่กับเราไม่นาน และให้คิดถึงสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขไว้ ยิ้มเข้าไว้ เราไม่ใช่คนเดียวที่มีความทุกข์ เราต้องคิดบวกให้กับตัวเองก่อน สร้างกำลังใจให้ตัวเองก่อน เมื่อกำลังใจดี เราก็จะผ่านมันไปได้ในที่สุด
ในหนังสือ “วัคซีนคิดบวก” น้องธันย์ ได้กลั่นกรองเรื่องราวออกมาในลักษณะ Diary หรือการจดบันทึก เป็นเรื่องราวการพูดคุยกับคนไข้พร้อมข้อคิดที่ได้ในแต่ละวัน รวมไปถึงความรู้ที่ได้รับจากคุณหมอในการป้องกันตัวเองจากโรคที่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ด้วยตนเอง หาซื้อได้แล้วที่ร้านหนังสือใกล้บ้าน ไม่ว่าคุณจะมีทุกข์หรือไม่ ไปหา
มาอ่านเป็น “วัคซีน” ป้องกันก่อนเกิดทุกข์ก็ได้เช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี