ตักบาตรเช้า ริมกำแพงแห่งความภักดี
จากย่านพาณิชยกรรมอันเป็นศูนย์กลางการค้าแห่งใหญ่ ที่เคยมีความเจริญทางเศรษฐกิจของจังหวัดพิจิตรในอดีต เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองแค่เพียง 6 กม. และตั้งอยู่ในจุดตัดทางการคมนาคมทั้งทางบกที่มีรถไฟเข้าถึง และทางน้ำติดกับแม่น้ำน่านที่เป็นเส้นทางคมนาคมหลักในสมัยก่อน แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางการคมนาคมและระบบซื้อขายแบบสมัยใหม่ ทำให้เศรษฐกิจซบเซาไปตามกาลเวลา แต่ด้วยเสน่ห์ทางสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนไม้เก่าแก่ลักษณะเหมือนห้องแถว 2 ชั้นที่ทอดตัวยาวไปตลอดทั้งซอย และวิถีชีวิตที่ยังคงความสงบเรียบง่ายของผู้คน ปัจจุบัน “ชุมชนตลาดเก่าวังกรด” จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชนที่โดดเด่นด้วยมนต์เสน่ห์ทางวัฒนธรรมและความเรียบง่ายซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่อยู่ในขณะนี้
เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้คนในจังหวัดใกล้เคียง ได้ทำความรู้จักกับย่านเก่าแก่แห่งนี้ จังหวัดพิจิตร นำโดย วีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร จัดทริปพิเศษนั่งรถไฟเที่ยววังกรด ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีจากสถานีรถไฟในตัวเมือง ก็มาถึงสถานีรถไฟในชุมชนตลาดวังกรด แล้วลัดเลาะท่องชุมชนโบราณที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความหลังที่ชวนฟังมากมาย
พื้นที่บริเวณชุมชนวังกรดเดิมมีชื่อว่า “ชุมชนบ้านท่าอีเต่า” ขึ้นกับตำบลในเมืองหรือตำบลท่าหลวงในปัจจุบัน ก่อนจะกลายมาเป็น “ชุมชนวังกลม” ตามชื่อของห้วงน้ำที่หมุนเป็นวงกลมใกล้บริเวณวัดวงกลม เมื่อมีการสร้างสถานีรถไฟวังกลม ในปีพ.ศ.2540 แต่ชื่อสถานีนั้นเป็นชื่อเดียวกับสถานีรถไฟในภาคอีสาน จึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีรถไฟวังกรด และเปลี่ยนชื่อชุมชนตามชื่อสถานีรถไฟเป็น ชุมชนวังกรด นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ก่อนตลาดชุมชนวังกรด จะเกิดขึ้นนั้น สันนิษฐานว่าบ้านเรือนของชาวบ้านในชุมชน อาจเป็นแบบกระจายตัวอยู่บนพื้นที่คล้ายกับหมู่บ้านชาวนาในลุ่มน้ำภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขายและทำเกษตรกรรม เมื่อ “หลวงประเทืองคดี” คหบดีในชุมชนที่มีอาชีพรับราชการอัยกา ได้ริเริ่มและสนับสนุนให้คนในชุมชนสร้างตลาดขึ้นลักษณะของที่อยู่อาศัยจึงเปลี่ยนเป็นแบบเรือนแถวไม้
แรกเริ่มเดิมทีนั้นตลาดของที่นี่ เป็นเรือนไม้เรียงต่อกันตามแนวตะวันออกไปจนถึงตะวันตก จากสถานีรถไฟลงไปยังแม่น้ำน่าน ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า “ซอยกลาง” หลังจากนั้นมีการสร้างต่อเติมตามพื้นที่ว่าง ทำให้บริเวณนี้ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เต็มไปด้วยเรือนแถวไม้ ส่วนตลาดแผงลอยเป็นแบบแผงลอยไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาทรงปั้นหยา แต่เมื่อถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ความที่ชุมชนตลาดวังกรดเป็นพื้นที่สำคัญ มีสถานีรถไฟและถนนผ่าน ทำให้ถูกโจมตีบ่อยครั้ง จึงต้องมีการสร้างหลุมหลบภัยไว้ในตลาด เมื่อสงครามเสร็จสิ้น การรถไฟไทย ได้รื้อบ้านและตลาดแผงลอยบริเวณหน้าสถานีออกทั้งหมด และสร้างเรือนแถวไม้สองชั้น ซึ่งชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่า “แถวเหนือ-แถวใต้” มาจนถึงปัจจุบัน
ความที่บรรพบุรุษดั้งเดิมของชาวบ้านวังกรดส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน “ศาลเจ้าพ่อวังกลม” จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของที่นี่ จึงไม่ควรพลาดที่จะมาขอพร และชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมจีน ซึ่งเล่าขานกันว่า ขอพรได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะมาขอลูกจากท่าน จะได้ดั่งใจ ซึ่งชาวบ้านจะจัดงานฉลองเจ้าพ่อวังกลม หรืองานงิ้ว (แก้บน) เพื่อสืบสานประเพณีและเชื่อมสายสัมพันธ์ของลูกหลานย่านวังกรดเป็นประจำทุกปี
ภาพของร้านรวงภายในชุมชนตลาดเก่าวังกรดในวันวาน ที่มีอาหารพื้นบ้านชวนทาน อย่างก๋วยเตี๋ยวในปิ่นโต ขนมผักกาด หอยทอด ผัดไทย
ขนมจีบรสชาติดั้งเดิม หมูสะเต๊ะเนื้อนุ่ม สาคูไส้หมูราดกะทิ ขนมชั้นก็เป็นที่เลื่องลือของนักชิมว่าอร่อยจนต้องหิ้วกลับ รวมถึงร้านค้าขายของชำ ร้านยาสมุนไพรต่างๆ ยังคงเปิดบริการคอยท่าผู้มาเยือนเหมือนอย่างเคย
เมื่อลัดเลาะเดินชมบรรยากาศและชิมอาหารอร่อยไปเรื่อยๆ จนเดินข้ามผ่านหอนาฬิกา จะเจอตลาดดั้งเดิมอีกแห่งหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า “ตลาดเหนือ” นอกจากความน่ารักและเป็นกันเองของชาวบ้านพ่อค้าแม่ขายที่พร้อมจะส่งยิ้มให้กับผู้มาเยือน จะเป็นเสน่ห์ที่น่าติดใจของที่นี่แล้ว ความงดงามแบบเรียบง่ายของสถาปัตยกรรมโบราณของร้านรวงเก่าแก่อย่างร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้าเล้าไถ่ชัว หรือโรงสีและบ้านเถ้าแก่จั่นบ้านไม้ 2 ชั้น ที่นอกจากจะประกอบกิจการโรงสีแล้ว ยังเป็นสถานที่ขายน้ำมันแห่งแรกของที่นี่ รวมถึงร้านฉั่วเซียงฮวด ที่ยังคงเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนไว้มากมาย
หากมาถึงชุมชนเก่าวังกรด “บ้านหลวงประเทือง คดี” คือสถานที่สำคัญที่ต้องแวะชม แม้บ้านของผู้ริเริ่มตลาดวังกรดจะร้างไร้ผู้คน แต่ความงดงามของสถาปัตยกรรม และความร่มรื่นด้วยเงาของร่มไม้ใหญ่ล้อมรอบอาคารยังคงอยู่ ซึ่งบ้านหลังนี้นับเป็นอาคารปูนที่สร้างขึ้นเป็นหลังแรกของชุมชน และได้รับการบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาประวัติความเป็นมาในปัจจุบัน
แม้จะไม่ใช่เมืองหลวง แต่ในอดีต วังกรด เคยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดพิจิตร ที่นี่จึงมีโรงหนังขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “หลุมเก็บทรัพย์โรงหนังมิตรบันเทิง”ซึ่งเปิดกิจการตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริการความบันเทิงฉายหนังด้วยฟิล์ม 16 มม. จนถึงแก่กาลอันสมควรที่ต้องปิดตัวลง แต่สถานที่แห่งนี้ยังคงมอบความทรงจำที่ดี มอบคุณค่าทางใจให้แก่คนที่นี่และผู้มาเยือนได้ไม่ต่างจากวันวาน เช่นเดียวกับชุมชนแห่งนี้ แม้เวลาจะผ่านไป แต่เสน่ห์ความงดงามของตึกรามบ้านช่อง บรรยากาศดั้งเดิม และอัธยาศัยไมตรีของชาววังกรด ยังสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนอยู่เสมอ
ออกจาก “ชุมชนตลาดเก่าวังกรด” มาแล้ว อีกหนึ่งความสวยงามที่พ่อเมืองพิจิตร อยากชวนให้ทุกคนอิ่มเอมใจ นั่นคือนิทรรศการกลางแจ้ง ที่สามารถชมความงดงามได้ตลอด 24 ชั่วโมง ชาวจังหวัดพิจิตรได้ร่วมกันนำภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยฝีมือการวาดของศิลปินรุ่นใหม่กว่า 150 คน จำนวน 84 ภาพ มาจัดแสดงไว้บนกำแพงที่ถูกเรียกว่า “กำแพงแห่งความภักดี” ที่บอกเล่าเรื่องราวหลากหลายแง่มุมให้ประชาชนได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจอันมากมาย ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ จัดแสดงเรียงรายบนกำแพงยาวกว่า 150 เมตร ตลอดแนวถนนด้านหลังศาลากลางจังหวัดพิจิตรหลังเก่า ภายในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร พร้อมชวนอิ่มบุญ ร่วมตักบาตรกับ
ชาวพิจิตร ณ ริมกำแพงแห่งความภักดีนี้ ในทุกๆ เช้าวันเสาร์
วางแผนการท่องเที่ยวทริปต่อไป ท่านผู้ว่าฯ จ.พิจิตร ขอให้เป็นเมืองชาละวันแห่งนี้ แม้จะเป็นเมืองรอง แต่ก็มีความแปลกใหม่ที่แฝงกลิ่นอายแห่งวิถีชุมชนที่ยังคงเสน่ห์ของวันวาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี