รายได้จากการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันถือได้ว่าเป็นรายได้หลักตัวต้น ๆ ของประเทศไทย ประมาณการว่าในปี 2561 จะมี
นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทย 38 ล้านคน และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศสูงถึง 2 ล้านล้านบาท (อ้างอิงจากศูนย์วิจัย
กสิกรไทย)
ตลาดการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงมากอีกแขนงหนึ่งคือ การท่องเที่ยวเพื่อการกีฬา(Sports Tourism) ดังจะพบได้ว่าทั้ง
ภาครัฐและเอกชนของไทยพยายามส่งเสริมให้มีกิจกรรมการกีฬาสารพัดรูปแบบในประเทศ อาทิ วิ่งมาราธอน ไตรกีฬา สนามแข่งรถยนต์และจักรยานยนต์ โรงเรียนฝึกสอนการกีฬา และศูนย์ฝึกกีฬามาตรฐานระดับโลก รวมถึงความพยายามจัดแข่งกีฬาระดับโลก
แต่ที่สำคัญคือ เมื่อนักท่องเที่ยวผู้รักกีฬานึกถึงเมืองไทย ก็จะนึกถึงมวยไทย และกีฬาเชิงผจญภัยสารพัดชนิด รวมถึงสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานโลกที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคของไทย
เป็นความจริงที่ว่าสนามกอล์ฟในประเทศไทยมีชื่อเสียงมากในหมู่นักกอล์ฟระดับนำของโลก สนามกอล์ฟไทยติดอันดับ 7 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักกอล์ฟทั่วโลกจึงตั้งเป้าว่าจะต้องเข้ามาตีกอล์ฟในเมืองไทยให้ได้
เมื่อวันที่ 24-26 กรกฎาคม 2561 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน Thailand Golf Travel Mart 2018 (TGTM 2018) หรืองานตลาดท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟในประเทศไทย โดยในงานนี้มีการพบปะสนทนาและเจรจาธุรกิจด้านกีฬากอล์ฟและธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับกีฬากอล์ฟโดยมีนักธุรกิจจากต่างประเทศ (buyers) เข้าร่วมงาน 128 ราย พบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ขายของไทย (sellers) จำนวน 109 ราย และมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศร่วมติดตามรายงานข่าวนี้อีก41 ราย โดยงานจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายของการจัดงานครั้งนี้ว่า เพื่อตอกย้ำให้ประเทศไทยคงความเป็นผู้ให้บริการสนามกอล์ฟระดับมาตรฐานโลก (World Class Golf Destination)
ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านสื่อสารการตลาด กล่าวว่า กลุ่มนักกอล์ฟจากต่างประเทศถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง เพราะคนกลุ่มนี้สามารถใช้บริการการท่องเที่ยวด้านอื่นๆ ในประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น โรงแรมระดับ 5 ดาว สปา การตรวจสุขภาพ และด้านอาหารการกินที่อยู่ในกลุ่มตลาดบน จากตัวเลขของปี 2559พบว่ามีนักกอล์ฟเข้ามาทำกิจกรรมต่างๆ ในไทยมากกว่า 4 แสนคนทำรายได้ให้ประเทศประมาณ 4,800 ล้านบาท คิดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 12,215 บาทต่อคนต่อวัน และมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งททท. ตั้งเป้าให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักกอล์ฟประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลา1-2 ปี นับจากวันนี้
ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจากอังกฤษ (golfbreaks.com) บอกกับ Mr. Flower ว่า สนามกอล์ฟในประเทศไทยมีความน่าสนใจมาก นักกอล์ฟจากอังกฤษและยุโรปตะวันตกจำนวนมากต้องการเข้ามาเล่นกอล์ฟในไทย เพราะรู้ว่าสนามได้มาตรฐานระดับโลก อากาศดี และสามารถตีกอล์ฟได้เกือบตลอดปี (ยกเว้นวันที่ฝนตกหนักเป็นเวลานานมากๆ) แล้วยิ่งล่าสุดมีเครื่องบินบินตรงจากอังกฤษเข้ามาที่ภูเก็ต ก็ยิ่งทำให้เดินทางเข้ามาเล่นกอล์ฟได้ง่ายขึ้น และผู้ประกอบการรายนี้ยังบอกด้วยว่า ได้จองโรงแรมระดับห้าดาวในภูเก็ตจำนวน 200 ห้อง เพื่อกลุ่มนักกอล์ฟที่จะเดินทางเข้ามาที่ภูเก็ตในเร็วๆ นี้
เท่าที่ Mr. Flower ได้พูดคุยและเฝ้าสังเกตการเจรจาธุรกิจในงาน TGTM 2018 และจากงาน TGTM ครั้งที่ผ่านๆ มา ทำให้พบว่า การท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยเฉพาะกอล์ฟ เป็นแหล่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจบริการได้อย่างดี เพราะนักกอล์ฟมักจะเลือกพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาว มีการจับจ่ายซื้อของ และอาหารการกินที่อยู่ในกลุ่มตลาดบน โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า หมวก ถุงมือ แว่นตากันแดด และอุปกรณ์การเล่นกอล์ฟอีกสารพัดชนิด นอกจากนี้นักกอล์ฟยังใช้บริการรถรับส่งที่ได้มาตรฐาน และยังพบว่านักกอล์ฟส่วนมากรักษาสุขภาพของตนอย่างดี จึงตรวจสุขภาพเป็นประจำ และยังต้องการการพักผ่อนหลังเล่นกอล์ฟเสร็จแล้ว นักกอล์ฟส่วนมากจึงใช้บริการสปา หลังจากออกรอบเรียบร้อยแล้ว
ประเทศไทยมีสนามกอล์ฟประมาณ 200 แห่ง เป็นของเอกชน 160 แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นของภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นักกอล์ฟทั่วโลกรู้ดีว่าสนามกอล์ฟของไทยได้มาตรฐานสากล แต่เก็บค่าบริการที่ถูกกว่าสนามกอล์ฟระดับเดียวกันทั่วโลก ดังนั้นสนามกอล์ฟของไทยจึงเป็นที่ใฝ่ฝันของนักกอล์ฟจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าประเทศไทยสามารถสร้างรายได้ที่งดงามจากกลุ่มนักกอล์ฟจากนานาประเทศได้นั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี