ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
“ข้อ 25 (1) ทุกคนมีสิทธิ์ในมาตรฐานการครองชีพอันเพียงพอสำหรับสุขภาพและความอยู่ดีของตนและของครอบครัว รวมทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และการดูแลรักษาทางการแพทย์ และบริการสังคมที่จำเป็น และมีสิทธิ์ในหลักประกันยามว่างงาน เจ็บป่วย พิการ ม่ายวัยชรา หรือปราศจากการดำรงชีพอื่นในสภาวะแวดล้อมนอกเหนือการควบคุมของตน (2) มารดาและเด็กย่อมมีสิทธิ์ที่จะรับการดูแลรักษาและการช่วยเหลือเป็นพิเศษ เด็กทั้งปวงไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกสมรสจะต้องได้รับการคุ้มครองทางสังคมเช่นเดียวกัน”
ข้อความใน ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน 2491 ข้างต้นนี้ระบุไว้ชัดเจนถึง“สิทธิของบุคคลทุกคนที่จะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเพียงพอเพื่อให้ตนเองและครอบครัวมีสุขภาพดี” ซึ่งประเทศไทยเองก็ยึดหลักนี้และมีการพัฒนามาตามลำดับโดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” (สปสช. หรือบัตรทอง 30 บาท) ทำให้คนไทยทุกคนเดินทางมาใช้บริการโรงพยาบาลได้ จากเดิมที่คนฐานะยากจนไม่ค่อยกล้ามาโรงพยาบาล ต้องยอมเจ็บออดๆ แอดๆ หรือซื้อยากินเองจนอาการทรุดหนักเป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นรับรู้
แต่อีกด้านหนึ่ง “จำนวนคนไข้ที่มากขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลสูงขึ้น และงบประมาณด้านสาธารณสุขของรัฐเองก็ไม่เพียงพอ”โรงพยาบาลจำนวนไม่น้อยต้องแบกรับภาระนี้ไว้ ท่ามกลางความหลากหลายของคนไข้ที่มิได้มีแต่เพียงคนไทย ทว่ายังรวมถึงคนต่างด้าวที่ต้องการความช่วยเหลือด้วย ซึ่งตามจรรยาบรรณแพทย์แล้วจะปฏิเสธคนไข้กลุ่มใดก็ไม่ได้เพราะเมื่อเจ็บป่วยมาก็ต้องได้รับการรักษาตามหลักมนุษยธรรม
ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรณกิจโลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “โรงพยาบาลสวนดอก” เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่มีขนาดใหญ่และรองรับผู้ป่วยจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ มีจำนวนเตียงให้บริการ 1,400 เตียง ให้การบริการรักษาผู้ป่วยทุกเชื้อชาติศาสนาในระดับมาตรฐานสากล ที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งประสบปัญหาด้านงบประมาณเช่นกัน
“ในปี 2560 มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา 1,480,239 คน ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนรายได้น้อย ถึงแม้จะมีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของรัฐบาลมารองรับ แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ผู้ป่วยต้องรับภาระในการรักษาในแต่ละครั้งในแต่ละปีจะมีทั้งผู้ป่วยที่มีสิทธิบัตรและไม่มีสิทธิบัตร ส่งผลให้โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เกิดขึ้นทั้งหมดปีละประมาณกว่า 100ล้านบาท” ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรณกิจ กล่าว
เช่นเดียวกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์วิชัย ชื่นจงกลกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า“ในแต่ละปีโรงพยาบาลใช้งบประมาณกว่า100 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์ ทุกปีในการรักษาผู้ป่วย” จากสถิติเมื่อปี 2560 พบว่างานสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ใช้เงินในการช่วยเหลือผู้ป่วยคนไทยที่ใช้สิทธิ์ในการรักษาได้แต่มีปัญหาส่วนเกินสิทธิ์
อาทิ ค่าอุปกรณ์พิเศษ ค่ายานอกบัญชีหลักแห่งชาติ และค่าตรวจพิเศษ จำนวน 40 ล้านบาท, ผู้ป่วยที่ไร้สิทธิ์ในการรักษา เช่น คนไทยตกหล่น คนที่เกิดในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับสัญชาติไทย ต่างด้าวไร้สิทธิ์ จำนวน 30 ล้านบาทและผู้ป่วยที่ไม่สามารถชำระค่ารักษาพยาบาลได้ทั้งหมดในทันที ต้องขอผ่อนชำระซึ่งโรงพยาบาลต้องสำรองเงินจ่ายให้กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ จำนวน 30 ล้านบาท
“มีผู้ป่วยยากไร้หลายรายที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ เช่น ตับ และ ไต ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ต้องให้ความช่วยเหลือ ด้วยมนุษยธรรม เพราะหากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยต้องเสียชีวิตแน่นอน ทำให้โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระในการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ค่อนข้างมาก โดยใช้เงินจากมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก และทุนราชสมาทร แต่ก็ยังไม่เพียงพอทำให้ต้องนำเงินของโรงพยาบาลเข้าไปสมทบ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เงินในส่วนของโรงพยาบาลต้องนำไปซื้อเครื่องมืออุปกรณ์รวมถึงจ้างบุคลากรทางการแพทย์” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ระบุ
อย่างไรก็ตาม “พลังน้ำใจ” คือจุดเด่นของคนไทย รวมถึงเป็นสิ่งดีงามในจิตใจของมนุษยชาติ “หลายครั้งหลายหนเมื่อปรากฏข่าวผู้ตกทุกข์ได้ยาก พบว่าไม่นานความช่วยเหลือก็หลั่งไหลเข้าไปอย่างล้นหลาม” ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หรือโรงพยาบาลสวนดอก จึงขอแรงสนับสนุนจากผู้มีจิตเมตตาทุกท่านอีกครั้ง ผ่านการจัดงาน “สวนดอกร้อยดวงใจ...เพื่อผู้ป่วยยากไร้” ประจำปี 2561 เพื่อระดมเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างยั่งยืน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรณกิจ กล่าวว่า เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” จึงจัดงานนี้ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมเงินบริจาคจากผู้มีจิตกุศลทั่วประเทศสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ที่ยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่เป็นจำนวนมากทั้งนี้จะมีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี
โดยในวันที่ 28 กันยายน 2561 จะจัดคอนเสิร์ตการกุศล “สวนดอกร้อยดวงใจ เพื่อผู้ป่วยยากไร้” ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรสโรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ โดยศิลปินเพลงชื่อดังจากวงพิงค์แพนเตอร์ The Hot Pepper Singers และวง 3 วิ ที่จะนำบทเพลงอมตะมาขับร้อง จึงขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
ด้วยการบริจาคทุนทรัพย์ได้ที่มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก โทร.053-938400 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มช. โทร.053-935672 กรณีโอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาคณะแพทยศาสตร์ เชียงใหม่ ชื่อบัญชี มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก เพื่อผู้ป่วยยากไร้ เลขที่บัญชี 566-4-95596-4 (ใบเสร็จสามารถลดหย่อนภาษีได้)
คุณก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมช่วยเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้..ต่อลมหายใจเพื่อให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี