แม้ยาจะเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่ช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพได้ แต่ด้วยยาทุกตัวมีทั้งคุณและโทษควบคู่กันดังนั้นการใช้ยาแต่ละชนิดจึงต้องรู้จักวิธีการใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ที่สำคัญควรอ่านฉลากยาให้เข้าใจว่าเป็นยาสำหรับโรคอะไร มีระยะเวลาและปริมาณในการใช้เท่าไร ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใช้ยาพร่ำเพรื่อ หรือโดยไม่จำเป็น มิฉะนั้นอาจได้โรคใหม่จากการใช้ยา หรือทำให้ต้องรักษาเพิ่มขึ้น เช่น ผู้ป่วยที่รับประทานยาชุดแก้ปวด แก้อักเสบบ่อยๆ เกินความจำเป็น จะทำให้กระเพาะทะลุได้หรือการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินความจำเป็น จนเชื้อดื้อยา ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนและเกิดอันตรายได้
ข้อมูลจาก ภญ.จันทิมาโยธาพิทักษ์ ผู้ช่วยนายกสภาเภสัชกรรม ฝ่ายวิชาการ ได้แนะนำว่า ยามีหลายชนิด ให้ระวังยาที่มี “ชื่อพ้อง มองคล้าย” กล่าวคือมียาหลายชนิดที่มีลักษณะของบรรจุภัณฑ์ รูปแบบเม็ดยา สียา ที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน แต่มีสรรพคุณแตกต่างกัน หรือแม้แต่ชื่อยาที่ออกเสียงคล้ายคลึงกันก็มีไม่น้อย การบ่งชี้ด้วยสายตาหรือฟังการออกเสียงอย่างเดียวจึงมีความเสี่ยงที่อาจได้รับยาผิดชนิดได้ หรือยาที่ใช้รักษาอาการหรือโรคเดียวกัน ก็ยังมีหลายชนิด หลายขนาดความแรงของยา เช่น ยารักษาโรคความดันโลหิตมีเป็นสิบๆ ชนิด และแต่ละตัวยังมีหลายขนาดความแรง ซึ่งยาแต่ละตัวอาจจะเหมาะกับผู้ป่วยรายหนึ่ง แต่อาจไม่เหมาะหรือมีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยอีกราย
ดังนั้นการที่ผู้ป่วยไม่รู้จักชื่อยาที่ใช้นั้นอันตรายกว่าที่คิด โดยเฉพาะกรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงหากไม่ได้รับยาต่อเนื่อง เพราะถ้าผู้ป่วยไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองรับประทานยาอะไรอยู่บ้าง แต่บอกเพียงแค่สรรพคุณยาที่ได้รับอยู่ได้ว่ารักษาอาการอะไร เช่น ยาลดน้ำตาล ยาลดความโลหิตสูง ยาแก้หอบ ยากันชัก เป็นต้น ซึ่งยาที่รักษาโรคดังกล่าวมีอยู่หลายตัวมาก แพทย์เองก็ไม่แน่ใจว่าปกติผู้ป่วยใช้ยาชื่ออะไร จึงเป็นความยากลำบากทั้งต่อตัวผู้ป่วยเองและผู้ให้การรักษา การได้รับยาจึงไม่ต่อเนื่อง หรือต้องให้ยาชนิดใหม่และต้องมีการปรับขนาดยาใหม่อีก ซึ่งอาจไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
ข้อมูลจาก รศ.ดร.ภญ.กนกพรนิวัฒนนันท์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยถึงตัวอย่างของปัญหายาตีกันในผู้ป่วยสูงอายุที่อาจพบได้ เช่น การใช้ยาลดไขมันซิมวาสแตติน ตัวอย่างชื่อการค้า เช่น ซิมเม็กซ์ เบสแตตินถ้าได้รับร่วมกับยาลดไขมันอีกชนิดหนึ่ง ชื่อ เจมไฟโบรซิล ตัวอย่างชื่อการค้า เช่น โลปิดไฮดิล อาจทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรงและเกิดผลเสียต่อไตได้ นอกจากนี้ยาลดไขมัน ซิมวาสแตติน ยังตีกันกับยาอื่นได้อีก เช่น ยาฆ่าเชื้อกลุ่มอีริโทรมัยซิน ยาฆ่าเชื้อราชนิดรับประทานที่ชื่อ อิตราโคนาโซล ยาลดอาการอักเสบของเก๊าท์ที่ ชื่อ คอลชิซิน ทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงเช่นเดียวกับเจมไฟโบรซิล ดังนั้นผู้ที่ใช้ยาซิมวาสแตตินและยาลดไขมันกลุ่มเดียวกันนี้ ต้องระมัดระวังโอกาสเกิดยาตีกันกับยาอื่น
เพื่อความปลอดภัย อ่านฉลากให้เข้าใจ ทุกครั้งก่อนใช้ยา
ฉลากยาเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์จากการใช้ยาตามแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัย ผู้ป่วยจึงต้องให้ความใส่ใจต่อข้อมูลสำคัญที่ต้องมีบนฉลากยา 5 อย่าง ประกอบด้วย
1) ชื่อผู้ป่วย เพื่อให้สามารถตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นยาของเราหรือไม่
2) ชื่อสามัญทางยา เพื่อเป็นการสื่อสารระหว่างผู้ให้การรักษากับผู้ป่วย และระหว่างผู้ให้การรักษาด้วยกันเอง ผู้ป่วยอาจจำชื่อยาไม่ได้ ก็ขอให้เภสัชกรช่วยจดหรือบันทึกให้ เก็บไว้กับตัวเพื่อเป็นการส่งต่อข้อมูล หากต้องไปรักษาที่อื่น
3) สรรพคุณยา เช่น เป็นยารักษาเบาหวาน ยาปฏิชีวนะ ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น
4) ขนาดยา และเวลารับประทาน เช่น ครั้งละ 1 เม็ด 3 เวลา หลังอาหาร
5) ข้อควรปฏิบัติในการใช้ยา เช่น ดื่มน้ำบ่อยๆ ระหว่างที่รับประทานยา หรือ ระวังแสงแดดเพราะอาจทำให้แพ้
ดังนั้นทุกครั้งที่รับยา จึงควรอ่านฉลากเพื่อดูว่าได้รับข้อมูลครบถ้วนหรือไม่ หากไม่เข้าใจและมีข้อสงสัย ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนทุกครั้ง แต่หากในกรณีที่ซื้อยามารับประทานเอง ควรเลือกร้านที่มีเภสัชกร ไม่ควรซื้อยาจากผู้ที่ไม่มีความรู้ ไม่นำยาผู้อื่นมาใช้ อ่านฉลากก่อนใช้ยา และใช้ยาตามที่ระบุไว้ในฉลาก ทั้งขนาด วิธีใช้ และเวลาที่ใช้ เพื่อลดปัญหาจากการใช้ยาและได้รับผลการรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้การที่ประชาชนได้รับบริการด้านยาจากเภสัชกรจะมีหลักประกันทางด้านความปลอดภัย เพราะ ปัจจุบันหลักสูตรเภสัชศาสตร์ต้องเรียนและฝึกงานถึง 6 ปี นอกจากนี้แล้ว ยังต้องมีการสอบเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหลังจบการศึกษาโดยใช้ข้อสอบมาตรฐานกลางของทั้งประเทศจากสภาเภสัชกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าได้เภสัชกรที่มีความรู้ด้านยา สมุนไพรและเรื่องสุขภาพอื่นๆเพียงพอต่อการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยด้านยาให้ประชาชน
ทั้งนี้เมื่อเภสัชกรได้ใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมแล้ว ทางสภาเภสัชกรรมมีการกำหนดให้เภสัชกรเหล่านี้ ต้องพัฒนาและติดตามความรู้ด้านยาสมุนไพร และสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทุกๆ 5 ปีอีกด้วย ทั้งนี้สภาเภสัชกรรมยังได้กำหนดมาตรฐานการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม โดยจะมีบทลงโทษนอกเหนือจากบทลงโทษทางกฎหมายอีกด้วย ด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพเภสัชกรรมนี้ทำให้เภสัชกรต้องรักษามาตรฐานการประกอบวิชาชีพมากยิ่งขึ้นเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
หากว่า กฎหมาย พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ ไม่กำหนดให้จ่ายยาโดยเภสัชกรก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาสในการได้รับยาจากผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญ ที่สามารถเลือกยาที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และให้คำแนะนำที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย อาจทำให้ผู้ป่วยสุ่มเสี่ยงต่อการได้รับยาที่มีประวัติแพ้ซ้ำ เสี่ยงต่อการได้รับยาที่อาจมีผลตีกันเอง เสี่ยงต่อการได้รับยากลุ่มเดียวกันซ้ำซ้อน เพิ่มโอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อการได้รับยาเกินขนาด ผิดขนาด หรือได้รับยาที่ไม่เหมาะสมกับโรค และสุดท้ายเสี่ยงต่อการเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นอีกด้วย จึงเป็นการก่อให้เกิดความเสี่ยงในความปลอดภัยด้านยาต่อประชาชนขึ้นได้
ดังนั้นหากมีปัญหาเรื่องการใช้ยาและสมุนไพร ให้ขอรับคำปรึกษาจากเภสัชกรโรงพยาบาล หรือ เภสัชกรร้านยาใกล้บ้านของคุณได้อย่างมั่นใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี