คุณๆ ที่มีสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว น้องหนูน้องกระต่าย รวมถึงน้องสัตว์เลี้ยงวิเทศ (exotic pet) ชนิดอื่นๆ เช่น จิงโจ้บิน เม่นแคระ เต่า หรืองูสวยงาม และหมายรวมถึงคุณที่ไม่ได้เลี้ยงเอง แต่มีสมาชิกในบ้านหรือเพื่อนบ้านเลี้ยงก็ตามทีคุณคงอาจเคยสงสัยว่า...แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าสัตว์เลี้ยงของเรา “ป่วย” และเมื่อไรที่เราควรจะพาเขาไปโรงพยาบาลหรือคลินิกรักษาสัตว์ เพราะน้องสัตว์เหล่านั้น ไม่สามารถพูดบอกอะไรเรา ว่า “พี่จ๋า หนูป่วยนะจ๊ะ” หรือ “พี่ครับผมคลื่นไส้อยากอาเจียนครับ” หรือ “นี่เธอๆ เราปวดท้องจุงเบย (จังเลย)” แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เจ้าตัวน้อยเหล่านั้น ไม่สามารถขับรถหรือเดินไปหาหมอได้เอง ดังนั้น การเริ่มพบอาการป่วยหรือผิดปกติโดยเจ้าของจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ความถี่ และความรุนแรงของอาการป่วยที่แสดง ขึ้นกับความรุนแรงเสียหายของระบบต่างๆ ในร่างกายของสัตว์ โดยอาการที่เจ้าของจะสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น ผอมลง นอนซึม ไม่คึกคัก ลุกยืนไม่ขึ้น พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม กินอาหารลดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือไม่กินอาหารเลย อาเจียน ถ่ายเหลว ปัสสาวะน้อยหรือมากกว่าปกติ รวมถึงปัสสาวะหรืออุจจาระผิดปกติ เช่น สีดำ หรือแดงสด อ้าปากหายใจ หอบ ไอ จาม มีน้ำมูกข้นหรือใส ท้องกระเพื้อมมากกว่าปกติขณะหายใจ น้ำลายไหล เหงือกและลิ้นมีสีม่วงหรือเข้มไม่เป็นสีชมพูสดชักกระตุก เกร็งตัว ตัวร้อนกว่าปกติ ปลายขาและใบหูเย็น ขนร่วงเป็นหย่อม ผิวหนังเป็นสะเก็ด มีกลิ่นเหม็น พบปรสิตภายนอก เช่น เห็บ หมัด หรือเหา รวมถึงอาการอื่นๆ ที่เจ้าของสังเกตแล้วรู้สึกว่า “ผิดไปจากปกติที่เคยเห็นในชีวิตประจำวัน”
ทั้งนี้รวมถึง การที่สัตว์เลี้ยงของเราประสบอุบัติเหตุถูกสัตว์ชนิดอื่นกัด-ทำร้าย หรือกินสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ก็นับเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่งที่ควรได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์โดยทันที ขอย้ำว่าอย่าปล่อยไว้เนิ่นนาน เพราะเขาอาจจะไม่สบายมากจนต้องลาจากเราไปก่อนวัยอันควร
สิ่งสำคัญคืออย่าพยายามให้การรักษาด้วยยาของคนกับสัตว์เลี้ยง ขอย้ำว่าต้องไปปรึกษาสัตวแพทย์ก่อน เพราะการให้ยาคนกับสัตว์นั้น แทนที่จะเป็นการช่วยเหลืออาจกลับกลายเป็นว่าเป็นการเพิ่มความรุนแรงของอาการป่วยของพวกเขา
ดังนั้นสิ่งสำคัญต่อชีวิตน้อยๆ ที่เรารักก็คือ การเอาใจใส่ ดูแล และสังเกตอาการป่วยของพวกเขาจากเจ้าของ ซึ่งยิ่งเราพบการแสดงอาการป่วยของเขารวดเร็วเท่าไหร่ รวมถึงการพามาพบเพื่อปรึกษาและรับการรักษาโดยสัตวแพทย์เร็วเท่าไหร่แล้ว ก็จะมีโอกาสที่จะแก้ไขสาเหตุได้มากขึ้นและทำให้สัตว์หายป่วยกลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และก่อนลากันในวันนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่าโครงการสัตวแพทย์ จุฬาฯ ติดปีก by นกแอร์ โดยความร่วมมือของหนังสือพิมพ์แนวหน้า จะไปทำหมันน้องหมา แมว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคกลัวน้ำให้น้องๆ เหล่านี้ที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กลางเดือนมกราคมนี้ หากคุณๆ ต้องการจะสนับสนุนโครงการโปรดติดต่อที่คอลัมน์นี้ที่ E-mail address luangpee@hotmail.com และถ้าหากจะร่วมขบวนไปกับโครงการของเราก็โปรดติดต่อด่วนนะครับ ส่วนผู้ที่ประสงค์จะให้โครงการนี้ไปทำหมันหมาและแมวที่ชุมชน
ของคุณ ก็สามารถติดต่อได้ที่ E-mail เดียวกัน แต่ย้ำว่าต้องสามารถจับน้องหมาและแมวให้เราได้อย่างน้อง 50 ตัวขึ้นไป และต้องให้เขาอดน้ำและอาหารก่อนอย่างน้อย 12 ชั่วโมง แต่ที่สำคัญคือต้องสามารถดูแลน้องๆ เหล่านั้นได้หลังจากได้รับการผ่าตัดจนกว่าแผลจะหายสนิท
ขอขอบคุณทุกหน่วยงาน และทุกคนที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้เป็นอย่างดี เราจะร่วมกันทำความดีเพื่อสังคมของเราด้วยกันตลอดปี 2556 และตลอดไป ขอบคุณครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี