ในยุคที่อังกฤษล่าอาณานิคม อังกฤษพยายามจะผนวกเอาดินแดนของไทยหลาย ๆ แห่งเข้าไปเป็นดินแดนของตนเอง และหนึ่งในความพยายามนั้นคือการผนวกดินแดนจังหวัดนราธิวาสเข้าไปไว้ในเขตดินแดนมลายู ซึ่งเป็นอาณานิคมแห่งหนึ่งของอังกฤษ
แต่ความพยายามของอังกฤษในเรื่องนี้กลับล้มเหลว เมื่อฝ่ายสยามมีหลักฐานชัดเจนว่าดินแดนดังกล่าวเป็นของสยามมาตั้งแต่ดั่งเดิม หลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งคือวัดชลธาราสิงเห หรือวัดเจ๊ะเห ตั้งอยู่ ณ ริมแม่น้ำตากใบ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
ตามประวัติระบุว่าวัดนี้ก่อสร้างโดยพระครูโอภาสพุทธคุณ (พุด) เมื่อปี พ.ศ.2416 ซึ่งอยู่ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
นอกจากความงดงามตามแบบพุทธศิลป์ผสมผสานกับศิลปะตามแบบแผนของเมืองปักษ์ใต้แล้ว วัดแห่งนี้ยังมีความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์ของสยาม โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาเอกราชของดินแดนสยาม เนื่องจากเมื่อครั้งที่สยามกับอังกฤษมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนสยามกับมลายู (มลายูเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ) ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อังกฤษพยายามจะผนวกเอาดินแดนสยามในเขตจังหวัดนราธิวาสเข้าไปเป็นของตน โดยอ้างเหตุผลด้านเชื้อชาติของประชากรในบริเวณดังกล่าว แต่ฝ่ายสยามได้ยกเรื่องวัดในพระพุทธศาสนา และโบราณวัตถุ รวมถึงศิลปะของสยามเป็นข้อต่อสู้ ในที่สุดอังกฤษจึงจำต้องยอมจำนนต่อหลักฐานของฝ่ายสยาม ทำให้ดินแดนของจังหวัดนราธิวาสไม่ตกเป็นของมลายูภายใต้การปกครองของอังกฤษ จึงทำให้วัดนี้ได้รับการขนานนามว่าวัดพิทักษ์ดินแดนไทย
ส่วนความงดงามวิจิตรของโบราณสถานภายในวัดมีมากมาย อาทิ พระอุโบสถที่ก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีขนาดกะทัดรัด แต่ทว่างดงามมาก เป็นศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ หลังคาซ้อนลดหลั่นสามชั้น หน้าบันเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธประวัติ และภาพเทพชุมนุม และมีการสอดประสานผสมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนราธิวาสในยุคนั้นไว้ในภาพจิตรกรรมฝาผนังด้วย ตามประวัติระบุว่าผู้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังคือพระภิกษุจากสงขลาที่ไปจำพรรษาในวัดแห่งนี้ ส่วนพระพุทธรูปประธานของพระอุโบสถสร้างแบบมารวิชัย มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีแบบบุษบกทรงสอบที่สูงมาก แต่มีสัดส่วนที่งดงามและลงตัวมากเมื่อเทียบกับขนาดของพระอุโบสถหลังย่อมๆ
ส่วนโบราณสถานสำคัญอื่นๆ ของวัดนี้ คือ พลับพลาริมแม่น้ำตากใบ ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อคราเสด็จประพาสเมืองนราธิวาส เมื่อ พ.ศ. 2458 ส่วนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดแห่งนี้เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2518 และวันที่ 6 กันยายน 2519
นอกจากนี้ยังมีกุฏิโบราณสร้างด้วยไม้ ประดับลวดลายขนมปังขิง (ลวดลายไม้ฉลุที่งดงามอ่อนช้อย) รวมถึงศาลาธรรม ที่ก่อสร้างด้วยศิลปะแบบปักษ์ใต้ผสมกับศิลปะของจีน และหอกลอง หอระฆัง หอไตร หอพระนารายณ์ และพระพุทธไสยาสน์ แต่ที่พลาดไม่ได้เมื่อไปถึงวัดนี้คือต้องไปชมพิพิธภัณฑ์ประจำวัด ซึ่งเก็บรักษาโบราณวัตถุล้ำค่าไว้มากมาย อาทิ ธรรมาสน์อายุกว่า 100 ปี ตู้พระไตรปิฎก และโบราณวัตถุประจำพื้นถิ่นอีกมากมาย
หากคุณสนใจต้องการไปเที่ยวชมวัดชลธาราสิงเห และท่องเที่ยวแบบเจาะลึกในจังหวัดนราธิวาส โปรดติดต่อ Mr. Flower ที่หมายเลข 091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี