ยังคงเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ “ทูตสันถวไมตรี” ให้กับ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ทูตสันถวไมตรี UNHCR ได้เดินทางไปยังประเทศบังกลาเทศเพื่อลงพื้นที่เยี่ยมผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในค่ายกูตูปาลอง ซึ่งรองรับจำนวนผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาถึง 900,000 คนถือเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก สืบเนื่องจากวิกฤติในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ที่ผลักดันให้ชาวโรฮิงญาต้องหนีเข้ามาขอที่พักพิงถึง 725,000 คนจนถึงปัจจุบัน 1 ปีผ่านไปยังมองไม่เห็นอนาคตสำหรับพวกเขา ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยี่ยมผู้ลี้ภัยในต่างประเทศครั้งที่ 2 ของเธอ
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ปู-ไปรยา ได้พบกับครอบครัวชาวโรฮิงญา เช่น ครอบครัวอาราฟ่า ที่หนีกันมา 3 คนพ่อแม่ลูก นางอาราฟ่า เล่าให้ปูฟังว่า ญาติของเธอทุกคนถูกจับขังคุก ตัวเธอเคยถูกทำร้าย ทำให้รู้สึกหวาดกลัว จึงตัดสินใจหนี “ตอนนี้ไม่กล้ากลับบ้าน ที่นั่นมีแต่ความน่ากลัว ฉันยอมตายดีกว่ากลับไป” อาราฟ่า กล่าว เมื่อมาถึงค่ายกูตูปาลอง อาราฟ่า ยังคงฝันร้าย แต่เธอได้รับความคุ้มครองจาก UNHCR จัดหาที่พักพิงให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันอย่างปลอดภัย
ถึงแม้วิกฤติจะเกิดขึ้นมา 1 ปีแล้ว แต่ปูยังได้พบกับชาวโรฮิงญาที่เพิ่งหนีเข้ามาได้เพียง 12 วัน เธอชื่อ“ราเบีย” ได้เล่าให้ปูฟังว่า เธออดทนที่จะอยู่ไม่ยอมลี้ภัยทั้งๆ ที่เดินทางไปไหนก็ไม่ได้ หาอาหารก็ไม่ได้ เธอรอจนลูกของเธออายุได้ 1 ขวบจึงลี้ภัยพร้อมหลายๆ ครอบครัว ใช้เวลาเดินเท้า 7 วันระหว่างนั้น เธอก็พลัดหลงจากญาติๆ ไม่มีอาหาร แล้วเรื่องน่าสลดก็เกิดขึ้น ลูกวัย 1 ขวบของเธอเสียชีวิตในอ้อมกอดของราเบีย เธออดทนเดินทางต่อจนถึงค่ายกูตูปาลอง ราเบียยังคงโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกของเธอ UNHCR ช่วยฟื้นฟูจิตใจ และติดตามหาญาติให้ครอบครัวได้กลับมาปลอบประโลมใจเธออีกครั้ง
ค่ายกูตูปาลอง ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อดินโคลนถล่ม พายุฝน ความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่นี่จึงไม่ได้มั่นคง ปลอดภัยมากนัก แต่พวกเขาจำเป็นต้องออกมา หนีจากความทุกข์ยากที่มีมาตั้งแต่เกิด ถึงแม้ประเทศบังกลาเทศ ประสบปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก แต่ยังรองรับผู้ลี้ภัยเกือบ 1 ล้านคนปูขอขอบคุณรัฐบาลบังกลาเทศในความโอบอ้อมอารีมา ณ ที่นี้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญา มีความซับซ้อน อ่อนไหว และต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ปูชื่นชมการทำงานของ UNHCR ที่ดูแลชาวโรฮิงญาอย่างรอบด้าน ทั้งเยียวยาจิตใจ ช่วยเหลือด้านการแพทย์ การศึกษา แม้กระทั่งการรักษาสิ่งแวดล้อม ปลูกป่าและสอนการอยู่กับช้าง เพื่อสร้างความกลมเกลียวต่อการอยู่ร่วมกันกับชุมชนในพื้นที่
ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ทูตสันถวไมตรี UNHCR เผยความรู้สึกว่า “ภาพชาวโรฮิงญาที่ปูเห็นในข่าวเมื่อ4 ปีที่แล้ว ทำให้ปูติดต่อ UNHCR โดยไม่รู้จักใครเลย เพื่อแสดงความจริงใจที่อยากมอบความช่วยเหลือ วันนี้ ปูได้พบชาวโรฮิงญาจริงๆ ทำให้ปูชื่นชมในความเข้มแข็งและกล้าหาญของพวกเขาที่ปูสัมผัสได้ด้วยใจ ไม่มีมนุษย์คนไหนเกิดมาแล้วอยากเป็นผู้ลี้ภัย ต้องมาขออาศัยในประเทศอื่น และมีชีวิตอย่างยากลำบาก ปูจึงขอเชิญชวนทุกคนมอบความเห็นใจและสนับสนุนผู้ลี้ภัย รวมทั้งการทำงานของ UNHCR ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉลี่ย UNHCR ใช้เวลาเกือบ 20 ปีกว่าจะแก้ปัญหาให้ผู้ลี้ภัยได้ ปูยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทูตสันถวไมตรีของ UNHCR ต่อไปการลงพื้นที่ในแต่ละครั้งมอบความทรงจำและพลังในการที่ปูต้องทำงานหนักต่อไป เพื่อเพื่อนมนุษย์ของเราค่ะ”
ทั้งนี้ ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทูตสันถวไมตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ หรือ UNHCR เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 เป็นคนไทยคนแรกในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับตำแหน่งนี้ โดยมีหน้าที่หลักในการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัย พัฒนาความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อชีวิตของผู้ลี้ภัยในระยะยาว
ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัยได้ที่ www.unhcr.or.th และร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาผ่านทาง SMS พิมพ์ 30 ส่งมาที่4642789 (เพื่อบริจาคครั้งละ 30 บาท)หรือโทร.02-206-2144 (จันทร์-ศุกร์ 9.00-18.00 น.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี